“นายกรัฐมนตรี” เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ย้ำความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

"นายกรัฐมนตรี" เปิดหลักสูตร วปอ. รุ่นที่ 67 ย้ำความร่วมมือภาครัฐ-เอกชน รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

Top news รายงาน วันที่ 8 พ.ย.67นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 67 และกล่าวบรรยายหัวข้อวิชา “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมือง ในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ” ว่า โลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยี AI ภัยคุกคามของมนุษยชาติ ซึ่งวันนี้กับ 20 ปีที่แล้ว ค่านิยม ความเชื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปทั้งหมด เหมือนเป็นโลกคนละใบ ดังนั้น ต้องเตรียมพร้อมรับมือ รู้จักกับปัญหาใหม่ และต้องหาทางออกกับปัญหานั้น และมองว่าในอนาคตทุกอย่างไม่ได้หยุดที่ตรงนี้ ยังต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง แม้วันนี้เทคโนโลยี AI จะมีความแม่นยำมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่ชัดเจน และรุนแรงมากขึ้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในทุกระดับ เรื่องนี้รัฐบาลไม่ได้นิ่งเฉย ได้เตรียมรับมือกับปัญหาต่างๆไว้แล้ว

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

ทั้งนี้ จากการเดินทางไปประชุมในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อแลกเปลี่ยนด้านภูมิศาสตร์ก็พบปัญหาที่คล้ายกัน เช่น ฝุ่น PM 2.5 ดังนั้น ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้หลุดพ้นจากปัญหานี้ไปพร้อมกัน รวมถึงปัญหาน้ำท่วมที่จังหวัดเชียงราย และยังมีเรื่องดินโคลนเข้ามาในบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก ถือเป็นปีที่หนัก รัฐบาลจึงต้องพิจารณาเยียวยา และต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า การที่ทุกคนเข้ามาเรียนหลักสูตรนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่เตรียมพร้อมรับมือกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปถือเป็นเรื่องที่ดี รวมถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เป็นส่วนสำคัญในการวางนโยบาย หรือแผนพัฒนา ซึ่งหลักสูตรนี้ก็จะช่วยให้รู้จักกันมากขึ้น และรู้ถึงแนวทางในการสนับสนุนแต่ละองค์กร พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังขับเคลื่อนนโยบายที่จะรองรับภัยความมั่นคงต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้น เช่น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่จะส่งผลกระทบในหลายมิติ ทั้งเศรษฐกิจ การแข่งขันด้านเทคโนโลยี // ปัญหาความขัดแย้งในพื้นที่ทะเลจีนใต้ ช่องแคบไต้หวัน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้ก็ส่งผลกระทบต่อไทย และภูมิภาคอาเซียน ทำให้เศรษฐกิจของไทยที่ต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก ต้องเผชิญกับการเรียนรู้ ซึ่งรัฐพยายามสนับสนุนในเรื่องนี้ โดยได้พูดคุยกับกระทรวงการคลัง และเพื่อนบ้าน ซึ่งการปรับโครงสร้างหนี้ก็เป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเศรษฐกิจให้ดีขึ้น แต่สิ่งสำคัญ คือ การหารายได้ใหม่ให้กับประเทศ ซึ่งได้คุยเรื่อง Soft Power ที่จะทำให้เกิดการจ้างงาน หารายได้ใหม่เข้าประเทศ และขณะนี้มีหลายบริษัทเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินใหม่ที่จะทำให้ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดี และแข็งแรงขึ้น เพื่อทำให้ประเทศไทยพ้นจากประเทศที่มีมีรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่มีมีรายได้สูง

 

 

นอกจากนี้ ปัญหาความขัดแย้งในประเทศเมียนมา ที่มีผู้ลี้ภัยเข้ามาในประเทศไทยกว่า 200,000 คน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ส่งผลต่อความมั่นคงของไทย และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งตนเองได้คุยกับทางเมียนมา เพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยเฉพาะปัญหาระหว่างประเทศ ยาเสพติด ฝุ่น PM 2.5

ขณะเดียวกัน ปัญหาที่ทุกประเทศเจอ คือ อาชญากรรมทางไซ ที่ประชาชนถูกหลอกให้โอนเงิน ซึ่งได้ขอความร่วมมือกับทุกประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องร่วมมือกัน พร้อมติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ เพื่อจับสัญญาณที่มาจากหลายประเทศ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า รัฐตาลจะผลักดันเพิ่มสัดส่วนเศรษฐกิจดิจิทัลร้อยละ 30 ของจีดีพี ภายในปี 2573 เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ ซึ่งรัฐบาลพร้อมสนับสนุนเรื่องความมั่นคง พร้อมขอให้ทุกคนมีความสุขการเรียนหลักสูตรนี้ และช่วยสนับสนุนเตรียมพร้อมในการพัฒนาประเทศต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เผยซากลูกช้างแมมมอธ อายุ 5 หมื่นปี สภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบ
เกาหลีใต้เข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอดเร็วกว่าที่คิด
"จตุพร"สวนแรง "ทักษิณ" อย่าลำเลิกบุญคุณ ทำเกรี้ยวกราดสุด ไหนบอกกลับไทยมาเลี้ยงหลาน
บราซิลพบแรงงานจีน 163 คนทำงานเยี่ยงทาส
"รัฐบาล" ชวนฝากบ้านกับตร. เทศกาลปีใหม่68 ย้ำปลอดภัย
บินขับไล่สหรัฐฯหวิดโดนพวกเดียวกันยิงร่วงอีกลำ
ทุเรียนจีนไม่มีสารต้านอนุมูลอิสระแบบของไทย
ทอ.-กห.ยันไม่ใช่ Mig29 บินเฉี่ยวชายแดนไทย คาด UAV ของชนกลุ่มน้อย
เก๋งเสยท้ายรถ 6 ล้อ คว่ำบนทางด่วน ทับคนขับเสียชีวิต
"อดีตบิ๊กข่าวกรอง" ถึงขนหัวลุก พ่อนายกฯ ลั่นใหญ่จะส่งทีมไปจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น