กลุ่มนักโทษชายทะเลาะวิวาทกันในเรือนจำพิเศษมีนบุรี แล้วมีนักโทษถูกแทงเสียชีวิต 1 ราย ขณะที่ผู้คุมรวบตัว 6 นักโทษที่ก่อเหตุไว้ได้ สารภาพบาดหมางกันเรื่อง ซัดทอดยาเสพติด จนกลายเป็นศึกระหว่าง กลุ่มบ้านร่มเกล้า กับบ้านหนองจอก
ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี พร้อมด้วยแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เข้าตรวจสอบเหตุนักโทษชายใช้ของแหลมแทงกันเสียชีวิต บริเวณเรือนจำพิเศษมีนบุรี ถ.สุวินทวงศ์ เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.) ในที่เกิดเหตุอยู่ภายในเรือนจำ บริเวณใต้โดมร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขังแดน 5 พบร่าง นักโทษเด็ดขาดชาย ชื่อ น.ช.ยุทธการ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด และทำร้ายร่างกายผู้อื่น สภาพศพถูกแทงด้วยของมีคม อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กรมราชฑัณฑ์ จึงเร่งนำตัวส่งสถานพยาบาล แดน 6 ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มนักโทษชาย 6 คน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวไว้ได้ ประกอบด้วย 1.น.ช.ณรงค์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดีรับจ้างเปิดบัญชีม้า 2.น.ช.ภาณุพงค์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 3.น.ช.โชคทวี (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ 4.น.ช.ชัชชัย (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 5.น.ช.วีระยุทธ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดีลักทรพย์ และ 6.น.ช.วัชรพงศ์ (สงวนนามสกุล) ผู้ต้องหาคดียาเสพติด
พร้อมของกลาง อาวุธประดิษฐ์ เหล็กแหลม และช้อนส้อมดัดแปลง รวม 3 ด้าม เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำที่ สน.มีนบุรี นอกจากนี้ ยังตรวจยึดหลักฐานของมีคมที่ใช้ก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุนำเหล็กเส้นดัดแปลงเป็นของมีคม และใช้เศษโลหะดัดแปลงทำเป็นมีดพก เก็บซ่อนไว้ใช้เป็นอาวุธ
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุ น.ช.โชคทวี ร่วมกับ น.ช.ภาณุพงศ์ และ น.ช.ณรงค์ เข้าไปทำร้ายผู้ตาย โดยใช้เหล็กแหลมแทงเข้าแผ่นหลัง จากนั้นก็ให้พวกที่เหลือเข้าไปรุมแทงตามร่างกายซ้ำ จนอาการสาหัสก่อนเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่พบว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุด้วยคือ น.ช.วัชรพงษ์ น.ช.ชัชชัย และน.ช.วีระยุทธ ทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุทำร้ายผู้ตายจริง โดยสาเหตุเกิดจากความบาดหมางระหว่าง กลุ่มบ้านร่มเกล้า และบ้านหนองจอก ซึ่งก่อนหน้านี้ กลุ่มบ้านหนองจอก รุมทำร้ายกลุ่มบ้านร่มเกล้า จนได้รับบาดเจ็บ โดยสาเหตุมาจากเรื่องการซัดทอดยาเสพติด
เบื้องนักโทษชายทั้ง 6 ราย ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย” ส่วนร่างผู้เสียชีวิตนำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง