ข่าวที่น่าสนใจ
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า คดีนี้ตนเองได้ร้องทุกข์กล่าวโทษตั้งแต่เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นคดีที่ “ทนายตั้ม” ร่วมกับพวกที่เป็นตํารวจ หลอกลวงต้องหาในคดียาเสพติด ว่าสามารถวิ่งเต้นคดีได้ โดยใช้ พ.ร.บ.มาตรา 100/2 ช่วยลดโทษ ทําให้ผู้ต้องหาหลงเชื่อ จึงได้มอบเงิน 4 แสนบาท ให้กับ “ทนายตั้ม” ต่อมา ชุดพนักงานสอบสวนตํารวจภูธรภาค 7 ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง จากการตรวจสอบพบการกระทําผิดจริง โดยมีบันทึกการจับกุมอันเป็นเท็จ
หลังจากนี้ ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมาจับ “ทนายตั้ม” กับพวก ในข้อหา “ใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จ” จากนั้นจะส่งเรื่องไปยัง ป.ป.ช. และส่งกลับมาให้ตํารวจภูธรภาค 7 ดําเนินการสืบสวนสอบสวน และดําเนินคดีต่อ จากการสืบสวนมีการสรุปสํานวนสั่งฟ้องไปให้อัยการทุจริตภาค 7 ตั้งแต่ปี 2563 แต่พนักงานอัยการขณะนั้น ได้นําสํานวนดังกล่าวไปซ่อน โดยไม่มีการพิจารณา หรือให้ความเห็นทางสํานวนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่า คดีนี้มีพยานหลักฐานชัดเจน วันนี้ ยื่นครั้งที่ 3 หากยังไม่ดำเนินการ ตนเองจะฟ้องเอาผิดอธิบดีทุกคน อย่างไรก็ตาม ภายหลังเข้ายื่นหนังสือ นายอัจฉริยะ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า คดีนี้กลุ่มผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมมากกว่า 10 ครั้ง เพื่อประวิงเวลา แต่ล่าสุด อธิบดีอัยการทุจิรตภาค 7 คนใหม่ เล็งเห็นถึงความสําคัญ และวันนี้จะเสนอไปยังอัยการสูงสุด เพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ คาดว่าใช้เวลาไม่เกิน 7 วัน หากสั่งฟ้อง “ทนายตั้ม” เหนื่อยแน่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
