“อัจฉริยะ” จี้เร่งรัดคดี “ทนายตั้ม” หลอกนักโทษยาเสพติด เรียก 4 แสน ดีลลดโทษได้

"อัจฉริยะ" บุกสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 จี้เร่งรัดคดี “ทนายตั้ม” เรียกรับเงิน 4 แสน อ้างช่วย "ผู้ต้องหา" คดียาเสพติดลดโทษ

“อัจฉริยะ” จี้เร่งรัดคดี “ทนายตั้ม” หลอกนักโทษยาเสพติด เรียก 4 แสน ดีลลดโทษได้ – Top News รายงาน

ทนายตั้ม

จากกรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม กับพวก ตกเป็นผู้ต้องหาคดี หลอกนักโทษคดียาเสพติดว่าสามารถลดโทษได้ (อ้าง มาตรา 100/2 พ.ร.บ.ยาเสพติด เรียกรับเงินผู้ต้องหา) โดยตำรวจภาค 7 สั่งฟ้องตั้งแต่ปี 2563 ผ่านมาแล้วเกือบ 4 ปี อัยการยังไม่สั่งคดีแต่อย่างใด ครั้งนี้ยื่นเป็นครั้งที่ 3 หากยังไม่ดำเนินการจะร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ ป.ป.ช. ทุกอธิบดีที่ผ่านมา

(12 พ.ย.67) มีรายงานจากสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 ต.แม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ว่า นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ นายณรงค์ชัย หิรัญรัตน์ อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้เร่งรัดดำเนินคดีกับ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมพวก ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ยาเสพติด พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 โดยหลอกลวงให้ นายธีรวัฒน์ บุญรอด หรือออย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมฐานมีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หลงเชื่อว่าสามารถช่วยลดโทษได้ แต่ต้องใช้เงิน 400,000 บาทดำเนินการ

ปรากฏว่า นายธีรวัฒน์ หลงเชื่อจึงมอบเงิน 4 แสนบาทเพื่อให้ นายษิทรา ดำเนินการ ต่อมา พนักงานสอบสวนตรวจสอบแล้วพบว่า นายษิทรา พร้อมพวก ใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จเพื่อช่วยผู้ต้องหาลดโทษ จึงไปขออำนาจศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายจับ นายษิทรา พร้อมพวก แต่เรื่องกลับเงียบหายไปนานกว่า 4 ปี

 

อัจฉริยะ

ข่าวที่น่าสนใจ

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า “ชุดพนักงานสอบสวนของตำรวจภูธรภาค 7 ก็มีการตรวจสอบแล้วเป็นพบว่าเรื่องจริง หลังจากนั้นก็ได้มีการขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรสาคร ออกหมายจับทนายตั้ม กับพวก ในข้อหาใช้เอกสาราชการอันเป็นเท็จ หลังจากนั้นก็มีการส่งไปยัง ป.ป.ช. ทาง ป.ป.ช.ก็มีความเห็นส่งกลับมาให้ทางตำรวจภูธรภาค 7 ดำเนินการสืบสวนสอบสวนแล้วก็ดำเนินคดีต่อ ก็มีการสรุปสำนวนความเห็นสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการตั้งแต่ปี 2563 พนักงานอัยการก็เอาสำนวนนี้ไปซ่อนเลย โดยไม่มีการพิจารณาหรือให้ความเห็นทางสำนวนแต่อย่างใด เหตุเนื่องจากว่า อัยการทุจริตภาค 7 มีการช่วยเหลือในคดีนี้ เนื่องจากว่าตามกฎระเบียบของตำรวจ ถ้าครบ 2 ปีแล้วยังไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด ก็จะทำให้ตำรวจพวกนี้ที่ประพฤติชั่ว สามารถกลับเข้ารับราชการได้เหมือนเดิม”

นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยไปสอบถามความคืบหน้าที่สำนักงานอัยการสูงสุด 2 ครั้ง และไปสอบถามความคืบหน้าที่สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 อีก 2 ครั้ง ซึ่งก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ ตนจึงมาสอบถามเป็นครั้งที่ 3 หากยังนิ่งเฉยตนจะฟ้องผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ส่วนการพูดคุยกับรองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 และอัยการเจ้าของสำนวน อ้างว่า คดีนี้กลุ่มผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมมากกว่า 10 ครั้งตั้งแต่ปี 2563 และมีการสอบสวนเพิ่มเติมตลอดเวลามากกว่า 10 ครั้ง

 

ต่อมา อธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ซึ่งมารับตำแหน่งใหม่ เล็งเห็นความสำคัญเนื่องจากเป็นคดียาเสพติด จึงสั่งให้อัยการเจ้าของสำนวน นำสำนวนคดีทั้งหมดที่มีการสอบสวนเพิ่มเติมซึ่งมีเอกสารกว่า 3,000 แผ่นมาพิจารณา ก่อนเสนอไปยังอัยการสูงสุดภายในวันนี้ (12 พ.ย.67) เนื่องจากเป็นคดีสำคัญ ซึ่งต้องไปส่งไปให้อัยการสูงสุด ลงความเห็นว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ ซึ่งต้องขอบคุณ อธิบดีสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 7 ที่ทำตามอำนาจหน้าที่ ส่วนอัยการสูงสุด ยืนยันด้วยเกียรติว่าจะทำคดีนี้ด้วยความสุจริต โปร่งใส และเป็นธรรม

สำหรับประเด็นสำคัญซึ่งทนายความและตำรวจมักจะหยิบยก พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 100/2 มาใช้ สืบเนื่องจาก พ.ร.บ.ดังกล่าว บัญญัติว่า หากศาลเห็นว่าผู้กระทำความผิดให้ข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์กับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต่อพนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ศาลจะลงโทษผู้นั้นน้อยกว่าอัตราโทษขั้นต่ำที่กำหนดไว้สำหรับความผิดในคดีนั้น

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น