ครม.เห็นชอบพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ สางปมที่ดินทำกินในเขตอุทยาน

ครม.เห็นชอบพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ สางปมที่ดินทำกินในเขตอุทยาน

Top news รายงาน นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบพระราชกฤษฎีกา 2 ฉบับ ร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติ ภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 พ.ร.บ.อุทยานฯ พ.ศ. 2562 พ.ศ.

 

และพระราชกฤษฎีกา โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่ง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 พ.ศ. ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ซึ่งเป็นกฎหมายที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ไม่มีที่ทำกินได้อยู่อาศัยทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่าสัตว์ ที่มีการประกาศก่อนที่จะมีพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อุทยานแห่งชาติ 2542 และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ซึ่งใช้บังคับอยู่ ให้ประชาชนสามารถทำกินในพื้นที่เพื่อดำรงชีพต่อไปโดยรัฐไม่ได้ให้สิทธิ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาฯคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงเหตุผลในการตราพระราชกฤษฎีกาสองฉบับนี้ หลักการสำคัญคือเพื่อให้คนที่ขณะนี้อยู่ในป่าสามารถทำมาหากิน และอยู่อาศัยในพื้นที่ได้ระหว่างที่ตรวจสอบหรือพิสูจน์สิทธิในที่ดิน ว่าตกลงพวกเขาอยู่มาก่อนหรืออยู่หลังประกาศเขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่า

ซึ่งตามกฎหมายเดิมระบุว่า ใครก็ตามอยู่ในพื้นที่ป่าจะต้องมีความผิดทางอาญาสถานเดียว ทำให้เกิดปัญหาระหว่างพี่น้องประชาชนกับหน่วยงานราชการเสมอมา จึงมีการแก้ไขกฎหมายสองฉบับนี้ในปี 2562 โดยมีการกำหนดกฎบทเฉพาะกาลว่าประชาชนที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์สิทธิ สามารถอยู่อาศัยทำมาหากิน ระหว่างมีการพิสูจน์สิทธิได้ โดยไม่เป็นความผิดอาญา นี่คือหัวใจสำคัญของพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้

 

 

 

 

นายปกรณ์กล่าวอีกว่า พระราชกฤษฎีกาทั้งสองฉบับนี้ไม่ได้ตัดสิทธิพี่น้องประชาชนเพื่อพิสูจน์สิทธิ และไม่ได้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่เป็นการบรรเทาความผิดจากสิ่งที่เกิดขึ้นจากกฎหมายเก่า ดังนั้น พี่น้องประชาชนสามารถอยู่ได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และสามารถทำมาหากินได้ตามปกติ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญาอีกต่อไป แต่ระหว่างนั้นจะมีการพิสูจน์สิทธิ โดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมีแนวทางการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง

 

“หลักการจริง ๆ คือการที่คนอยู่กับป่าได้อย่างมีความสุขถูกต้องตามกฎหมาย เราไม่ได้คิดเหมือนระบบดั้งเดิมว่าใครก็ตามที่อยู่ในป่าแล้วจะมีความผิดตลอดเวลา เป็นการอยู่เพื่อพิสูจน์สิทธิหากเขาอยู่ในที่ดินนั้นมาก่อนที่จะมีการประกาศเขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่า หากพิสูจน์ได้ทางราชการก็ต้องเพิกถอนพื้นที่ที่เขาอยู่ออกจากการเป็นเขตอุทยานฯ เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า และเขตห้ามล่า ซึ่งรัฐบาลดำเนินการมาตลอดไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน มีการดำเนินการมาตามลำดับ แต่หากพิสูจน์แล้วไม่ได้อยู่มาก่อนก็ต้องออกไป” เลขาฯกฤษฎีกากล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ฮามาสและนานาชาติประณามทรัมป์หวังฮุบกาซา
สภาผู้แทนฯ ลงมติผ่านร่างพ.ร.บ.คุ้มครอง ส่งเสริมกลุ่มชาติพันธุ์ ส่งวุฒิสภาพิจารณา
"สรรเพชญ" เร่งรัฐบาล โอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ พร้อมเสนอครม.สัญจร แก้ปัญหา "ห้าแยกน้ำกระจาย" จริงจัง
“พิพัฒน์” รุกมาตรการความปลอดภัย จับมือ 18 สถานประกอบกิจการ ขับเคลื่อนแคมเปญ “Safety Culture Together”
ทุบแตก "ฐานทัพพม่า" ในรัฐคะฉิ่น กลุ่มติดอาวุธ คึก หวังยึดฐานใหญ่อีกแห่ง
อั้นไว้ก่อน ค่อยเติม! เช็กราคาน้ำมัน พรุ่งนี้เบนซิน แก๊สโซฮอล์ ลด 40-50 สต./ลิตร
"ภูมิธรรม" ลงพื้นที่ดูชายแดนแม่สอด 6 ก.พ.นี้ ตรวจ 4 จุดตัดไฟฟ้า "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"
เกาะ‘ฮอกไกโด’ของญี่ปุ่นเจอหิมะตกหนักเป็นประวัติการณ์
"บิ๊กต่าย" เตรียมประสาน "ตร.สากล" ช่วยเหลือหญิงไทยถูกหลอกรีดไข่สืบพันธุ์
นับถอยหลังเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว 2025 จีนที่ฮาร์บิน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น