“ปานเทพ” เปิดหลักฐานเด็ด ตอกฝาโลงคดี “ทนายตั้ม” เป็นเอกสารยืนยันเจ๊อ้อยไม่ได้ให้เงินโดยเสน่หา

"ปานเทพ" เปิดหลักฐานเด็ด ตอกฝาโลงคดี "ทนายตั้ม" เป็นเอกสารยืนยันเจ๊อ้อยไม่ได้ให้เงินโดยเสน่หา

Top news รายงาน เมื่อเวลา 15:00 น ที่ผ่านมา (13 พ.ย.67) อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้เปิดหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับคดีที่ “เจ๊อ้อย” แจ้งความทนายตั้ม ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท โดยหลักฐานแรกเป็น “หนังสือสัญญาจ้างเขียน และพัฒนาโปรแกรม เว็บไซต์ และระบบโปรแกรมแอปฯ ซื้อขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์” ในระบบจัดทำขึ้นในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 จัดทำหนังสือสัญญาฉบับนี้ ระหว่างนางสาวจตุพร หรือ เจ๊อ้อย กับบริษัทหนึ่ง (บริษัท อินโนไฟฟ์ จำกัด) โดยมีกรรมการผู้จัดการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท ซึ่งต่อไปในสัญญานี้เรียกว่า “ผู้รับจ้าง”

ทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาจ้างเหมากัน โดยมีรายละเอียดดังนี้ คือ 1.การจ่ายค่าจ้าง ผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายคำสั่งจ้างเหมาตามสัญญานี้ให้แก่ผู้รับจ้างเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 2 ล้านยูโร กำหนดชำระครั้งเดียวก่อนเริ่มงาน 15 กุมภาพันธ์ 2566 ค่าจ้างเหมานี้รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ผู้ว่าจ้างต้องรับผิดชอบตามกฎหมายไว้แล้ว

 

ข่าวที่น่าสนใจ

โดยทนายตั้มพยายามที่จะพิมพ์ข้อความว่า ลักษณะขอพี่อ้อยแล้ว เพื่อให้ตนเองลงทุน ช่วงวันที่ 28 -30 มกราคม 2566 ซึ่งตนเองมองว่า ทั้งหมดที่ทนายตั้มทำ เพื่อให้เป็นหลักฐานเท่านั้นเอง เป็นการพิมพ์ฝ่ายเดียวโดยที่ “เจ๊อ้อย” ไม่ได้รู้เรื่องเลย แถมทนายตั้ม ยังเอาแชตที่ตนเองพิมพ์หา เจ๊อ้อย เป็นหลักฐาน เพราะคิดว่าตนเองจะสามารถใช้ได้ในคดีนี้

หลังจากนั้นวันที่ 2-8 กุมภาพันธ์ 2566 เจ๊อ้อยก็บินจากประเทศฝรั่งเศส มาทำสัญญาการลงทุนทำแอปพลิเคชันหวยออนไลน์ ที่ประเทศไทย ซึ่งจัดทำสัญญาในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 โดยมีทนายตั้ม เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย มีการว่าจ้างถูกต้องตามกฎหมาย และวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566 เจ๊อ้อยได้เดินทางกลับไปที่ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเตรียมจะโอนเงิน 71 ล้านบาท ให้ทนายตั้ม มาลงทุนทำแอปพลิเคชันหวยออนไลน์ ตนเองจึงขอเปิดเผยเอกสารการโอนเงิน 71 ล้าน ของเจ๊อ้อย ซึ่งได้โอนเงินจากประเทศฝรั่งเศส มายังบัญชีส่วนตัวของเจ๊อ้อย ในประเทศไทย

หลักฐานที่ 2 อาจารย์ปานเทพ ได้โชว์เอกสารที่ทำขึ้นโดยธนาคารฝรั่งเศส ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2566 ระบุเป็นการโอนเงินยูโรเป็นเงินบาท จากชื่อบัญชีเดบิตของเจ๊อ้อย โอนให้กับธนาคารแห่งหนึ่งในประเทศไทย มีชื่อเจ้าของบัญชี คือเจ๊อ้อย โดยระบุในเอกสารที่ทำขึ้นโดยธนาคารเอกชนว่า เป็นเงินเพื่อการลงทุน  ขอยืนยันว่า เอกสารหลักฐานใหม่ที่ตนเองได้โชว์ให้กับทีมข่าวดู ยืนยันแล้วว่าในเอกสารเอกสารระบุว่าเจ๊อ้อย โอนเพื่อการลงทุน ไม่ได้ระบุให้ใครยืมทั้งสิ้น ซึ่งเป็นการโอนเงินจากบัญชีส่วนตัวของเจ๊อ้อยที่ประเทศฝรั่งเศส มายังบัญชีส่วนตัวของเจ๊อ้อยที่ประเทศไทย จึงไม่จำเป็นต้องเสียภาษี เพียงแต่เสียค่าธรรมเนียมธนาคารเท่านั้น

 

 

 

 

ซึ่งข้อพิรุธคดี 71 ล้าน ที่ทนายตั้ม อ้างว่าเงินจำนวนนี้ เจ๊อ้อยให้ทนายตั้มเพื่อลงทุน หากเป็นการกู้ยืมเงินจริง ด้วยความที่ทนายตั้มเป็นทนายความ จะต้องมีเอกสารกู้ยืมเงินทางกฎหมาย และถ้าหากสัญญาการลงทุนทำแอปพลิเคชันหวยออนไลน์ ที่เกิดขึ้นกับอีกบริษัทหนึ่ง หากทนายตั้มมีส่วนได้ส่วนเสีย จะต้องระบุชื่อของทนายตั้มในสัญญา แต่ตามสัญญาที่ตนเองได้เอามาเผยแพร่ในวันนี้ ไม่มีชื่อทนายตั้ม มีเพียงชื่อของเจ๊อ้อย และอีกบริษัทหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งเอกสารการโอนเงินของเจ๊อ้อย จากประเทศฝรั่งเศส มาประเทศไทย ก็ระบุว่า เพื่อการลงทุนเท่านั้น

ส่วนนายนุวัฒน์ ยงยุทธ หรือ นุ อายุ 34 ปี คนสนิททนายตั้ม ที่เพิ่งถูกตำรวจกองปราบปรามนำตัวไปฝากขังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น อยากให้ตั้งข้อสังเกตในส่วนของนายนุ ว่า น่าจะมีทรัพย์สินเยอะพอสมควร สังเกตได้จากรถที่นายนุ ขับ ทะเบียนรถ 999 ตนเองทราบว่านายนุ มีความสนิทสนมกับบุคคลคนหนึ่ง ที่เคยตกเป็นข่าวประมูลทะเบียนรถในราคาแพงที่สุด อยากให้สื่อมวลชนลองไปตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าว คือใคร

 

นอกจากนี้ กรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไลฟ์สดเมื่อช่วงเช้าว่า อยากให้ตำรวจไปตรวจสอบทรัพย์สินของทนายตั้ม อีกครั้ง ว่ายังมีอีกหรือไม่ หรือมีการยักย้ายถ่ายเทไปให้ใคร โดยเฉพาะบุคคลใกล้ชิดทนายตั้ม คือ พี่สาวภรรยาของทนายตั้ม ชายปริศนาชื่อ แจ็ค ที่ขายของหรู และชายปริศนาที่ขายของหรูที่อาศัยอยู่ที่จังหวัดเชียงราย ทั้ง 3 คนนี้ อยากให้ไปตรวจสอบ โดยเฉพาะเส้นทางการเงิน ซึ่งทนายตั้ม อาจนำทรัพย์สินโยกย้ายไปฝากยังบุคคลทั้ง 3 คนนี้ ขอให้ตำรวจไปสอบสวนเพื่อความชัดเจน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อน ทนายตั้ม ได้เข้าไปช่วยเหลือกลุ่มผู้พิการ และสมาคมกีฬาคนพิการ ที่ไม่ได้รับการคัดสรรแบ่งโควตาขายสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างเป็นธรรม โดยทนายตั้ม พากลุ่มคนพิการส่วนหนึ่ง ไปร้องขอความเป็นธรรมที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา กรณีนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่า สาเหตุที่ทนายตั้ม รับช่วยเหลือกลุ่มคนพิการ เรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาล อาจมีวาระซ่อนเร้น หรือข้อแลกเปลี่ยนในการแบ่งสลากมาให้ทนายตั้ม เนื่องจากว่าทนายตั้มได้นำเงิน 71 ล้านบาท มาลงทุนทำแพลตฟอร์มขายสลากออนไลน์

 

อาจารย์ปานเทพ กล่าวว่า เป็นการตั้งข้อสังเกตที่มีเหตุผล แม้ว่าไทม์ไลน์อาจไม่เชื่อมโยงกัน คือ เรื่องเงิน 71 ล้านบาท เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 2566 ส่วนทนายตั้มเข้ามาช่วยเหลือกลุ่มคนพิการเกิดขึ้นเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าทนายตั้ม อาจนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งกับเจ๊อ้อยว่า การทำแพลตฟอร์มขายลอตเตอรีออนไลน์มีความคืบหน้า เช่น สามารถหาสลากมาจำหน่ายได้แล้ว ซึ่งในส่วนนี้ ตัวทนายตั้มน่าจะรู้อยู่แก่ใจ ว่ามีวาระซ่อนเร้น ในการช่วยเหลือกลุ่มคนพิการ หรือไม่

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“บิ๊กก้อง” สั่ง ปอศ.ส่งสำนวน ‘หมอบุญ’ ฉ้อโกงปชช.-หลอกลวงลงทุน ให้ดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ
"พิชัย" นำทีมพณ.เจรจา รมต.การค้า 7 เขตเศรษฐกิจเอเปค เพิ่มเชื่อมั่นไทยเป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าอุตฯสมัยใหม่
หนุ่มเจ้าของบริษัท ผวา พบวัตถุต้องสงสัยคล้ายระเบิดซุกซ่อนอยู่ใต้ท้องรถยนต์เก๋ง
แนะยุบ กกต.ทิ้ง เทพไท แฉ เลือกตั้ง อบจ.เมืองคอนซื้อเสียงเปิด เผย โวย กกต.นั่งดูตาปริบๆ แนะยุบทิ้งดีกว่ามั้ย
"เชน ธนา" พาสื่อทัวร์โกดัง ยันสินค้าอยู่ครบ ไม่ได้แอบขายเอาเงินไปใช้ตามข่าว ย้ำชัดไม่ได้โกงคู่กรณี
ตร.จ่อเรียก “เอก สายไหมฯ” สอบอีกครั้ง หลังให้การขัดแย้งพยาน
"สปป.ลาว" ออกแถลงการณ์ "เสียใจสุดซึ้ง" ปม นทท.เสียชีวิตดื่มเหล้าเถื่อน ยันเร่งนำตัวคนร้ายมาลงโทษ
บุกจับ ! พ่อค้ายากระโดดระเบียง สูงกว่า 2.5 เมตร หนี คิดว่าจะหนีรอด เพราะ ปลัดหน้าไม่โหด
ไฟไหม้ ! ร้านกาแฟวอดหมดทั้งหลัง เจ้าหน้าที่คาดสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรมูลค่าความเสียหายกว่า 700,000 บาท
ทั้งเจ็บ ทั้งจำ หนุ่ม เบญจเพสซวยสองเด้ง ถูกวัยรุ่นทำร้าย ถูกจับพกยาไอซ์ซ้ำ

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น