AP และ CNN รายงานความคืบหน้าการเลือกตั้งสภาผู้แทนฯสหรัฐในวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 14 พย.) ซึ่งผลการนับคะแนนล่าสุดปรากฎว่าพรรคริพับลิกันคว้ามาได้ก่อน 218 ที่นั่ง ทำให้ริพับลิกันคว้าชัยชนะได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง แม้การนับคะแนนจะยังไม่เสร็จสิ้นก็ตาม ขณะที่พรรคเดโมแครตของรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์รีสได้ 208 ที่นั่ง
ชัยชนะในการเลือกตั้งสภาผู้แทนฯทำให้ทรัมป์และพรรคริพับลิกันเตรียมเข้าคุมอำนาจแบบเบ็ดเสร็จทั้งสองสภาหรือที่เรียกว่าสภาคองเกรส หลังจากที่ริพับลิกันคว้าชัยชนะในวุฒิสภามาก่อนหน้านี้โดยกวาดที่นั่งไปได้ 312-226 ที่นั่ง ยื่นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ให้กับทรัมป์และพรรคริพับลิกัน
ชัยชนะทั้งสองสภาจะช่วยให้ทรัมป์สามารถผลักดันแนวคิด “ Making America Great Again” (หรือ “ทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง”) ตลอดจนนโยบายและคำสัญญาต่างๆที่เคยพูดไว้ระหว่างการหาเสียง ไม่ว่าจะเป็นโครงการเนรเทศผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่, การลดภาษี, การชำระแค้นศัตรูทางการเมือง, และการยกเครื่องและปรับลดขนาดของหน่วยงานในรัฐบาลกลาง แบบผ่านฉลุยในสภาคองเกรส โดยที่สมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคเดโมแครตแทบจะไม่มีอำนาจตรวจสอบได้เลย
ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ 1 พรรคริพับลิกันกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนฯได้ก็จริง แต่หลายนโยบายของทรัมป์ยังต้องเผชิญกับเสียงคัดค้านจากสส.และสว.ริพับลิกัน รวมทั้งกลุ่มผู้พิพากษาหัวเสรีนิยมในศาลสูง แต่ครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งที่แล้ว เพราะทรัมป์ได้เลือกแต่งตั้งพันธมิตรที่จงรักภักดีและล้วนมีแนวคิดขวาจัดเหมือนกัน รวมทั้งแต่งตั้งผู้พิพากษา 3 คนในศาลสูงสุดด้วยตัวเอง
ขณะที่ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนฯจากพรรคริพับลกันซึ่งได้รับการอนุมัติให้ดำรงตำแหน่งต่อได้เริ่มพูดถึงกระบวนการยกเครื่องหน่วยงานรัฐบาลกลางและเตรียมยกเลิกโครงการต่างๆที่พรรคเดโมแครตทำเอาไว้ แม้จะเป็นโครงการที่ได้รับความนิยมก็ตาม ขณะที่พันธมิตรของทรัมป์ในสภาผู้แทนฯ ก็เริ่มส่งสัญญานเรื่องการหาทางแก้แค้นเอาคืนผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพิจารณาคดีความผิดต่างๆของทรัมป์ ซึ่งล่าสุดทรัมป์ได้ประกาศแต่งตั้งนายแม็ต เกตซ์ สส.รัฐฟลอริด้า ผู้จงรักภักดีทรัมป์แบบสุดขั้วขึ้นเป็นรัฐมนตรียุติธรรม
ด้านทรัมป์ออกมาขานรับผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนฯระหว่างการเดินทางไปอาคารรัฐสภาเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการกลับสู่สภาครั้งแรกของทรัมป์นับตั้งแต่พ้นตำแหน่ง และยังได้เข้าพบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่ทำเนียบขาวเพื่อหารือเรื่องการถ่ายโอนอำนาจด้วย