นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา และประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “เราจะเปิดเทอมเดือนพฤศจิได้จริงไหม” โดยระบุว่า ตนได้คุยกับเพื่อนกลุ่มหนึ่ง เราแลกเปลี่ยนกันว่า “เดือนพฤศจิกายน เราสามารถเปิดเทอมได้จริงไหม” คำถามนี้น่าสนใจมาก เราเห็นตรงกันว่า “การเปิดเทอมเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ เป็นธงแห่งความหวังของนักเรียน และเป็นบทพิสูจน์ความสามารถในการจัดการของรัฐบาลและสังคม” คำถามนี้จึงต้องถามว่า “เราจะทำอย่างไรให้สามารถเปิดเทอมเดือนพฤศจิกายนให้ได้ ในท่ามกลางโควิดที่ยังระบาดอยู่”
เราเห็นตรงกันว่า “เราต้องจัดวัคซีนให้กับนักเรียน 12-18 ปีสำหรับทุกคน รวมทั้งครูและบุคลากรแม่ค้าภารโรงในโรงเรียนทุกคนด้วย และตุลาคมคือเดือนแห่งการเตรียมการ” ในความเป็นจริง เด็กนักเรียนติดโควิดนั้นไม่น่าห่วงมาก เพราะเกือบทั้งหมดจะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ นักเรียนกลุ่มนี้จะรับเชื้อไปติดญาติหรือคนในครอบครัวที่ไม่ฉีดวัคซีน แล้วจะเกิดการแพร่ระบาดในชุมชน ดังนั้นหากนักเรียนทุกคนได้รับวัคซีน เมื่อได้รับเชื้อแล้วอัตราการเกิดโรคจะลดลง การแพร่กระจายเชื้อต่อก็จะน้อยลงไป การฉีดวัคซีนนักเรียนจึงไม่ใช่เพื่อลดการติดเชื้อของเด็กเท่านั้น แต่ลดการแพร่ระบาดของเชื้อในชุมชนและครอบครัวด้วย ซึ่งสำคัญมาก
คำถามต่อมาคือ วัคซีนอะไรที่เหมาะสมในกลุ่มเด็กมัธยมขึ้นไปหรือ 12-18 ปี เราเห็นว่า “ไฟเซอร์คือคำตอบที่ดีที่สุด เพราะนอกจากเด็กจะได้ภูมิแล้ว ยังสามารถป้องกันเดลต้าได้ดีกว่าซิโนฟาร์ม แต่หากใครกังวลเรื่องผลข้างเคียงจากไฟเซอร์ ก็ไปฉีดซิโนฟาร์มที่ประสิทธิผลการเกิดภูมิต่ำกว่าก็ไม่ว่ากัน เพราะดีกว่าไม่ฉีด อย่างไรก็ตามรัฐควรต้องจัดวัคซีนฟรีให้กับเด็กกลุ่มนี้ทุกคนเดือนตุลาคมนี้ ไม่ว่าไฟเซอร์หรือซิโนฟาร์ม ส่วนผู้ปกครองคนไหนที่กลัววัคซีนมาก ไม่ประสงค์ให้ลูกฉีด ก็ให้เรียนออนไลน์ที่บ้านต่อไปได้ แต่เด็กเขาก็ควรมีสิทธิกำหนดอนาคตตนเองด้วย