DSI สอบปากคำ ‘บอสพอล’ ปมคลิปเสียง ‘กฤษอนงค์’ พาดพิงหน่วยงาน อ้างจ่าย 10 ล้าน

รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ส่งพนักงานสอบสวนสอบปากคำ “บอสพอล” ในเรือนจำฯ ปมสอบคลิปเสียง “กฤษอนงค์” อ้างจ่าย 10 ล้าน พาดพิงหน่วยงาน หากหลักฐานยันทำผิดจริง พร้อมพิจารณาดำเนินคดีทั้งวินัย และอาญา

DSI สอบปากคำ ‘บอสพอล’ ปมคลิปเสียง ‘กฤษอนงค์’ พาดพิงหน่วยงาน อ้างจ่าย 10 ล้าน – Top News รายงาน

จากกรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนาระหว่างชาย และหญิง โดยเนื้อหาสาระการพูดคุยนั้น บางช่วงบางตอนทางฝ่ายหญิงได้มีการกล่าวอ้างให้ฝ่ายชายรับฟังถึงการเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดี ไม่ให้แถลงข่าว ต่อมาภายหลังเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวของนางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือเจ๊พัช ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ และศูนย์ข่าวต้านโกง ได้ออกมายอมรับว่า กรณีคลิปเสียงดีเอสไอเกิดขึ้นมากว่า 10 ปี และตัวกลางที่มาอ้างก็เสียชีวิตไปแล้ว

ต่อมาทาง พันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้เจ้าหน้าที่คดีพิเศษ ประสานเรื่องคลิปเสียงดังกล่าวกับสำนักข่าวที่มีการนำเสนอ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นการกล่าวพาดพิงถึงการจ่ายเงินแก่หน่วยงาน ส่งผลให้หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ภายในองค์กรได้รับผลกระทบ ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว วันนี้ (18 พ.ย.) พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ว่า ภายหลังจากที่ได้มอบหมายให้ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอยู่ในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำหนังสือประสานงานไปยังสำนักข่าวที่มีการนำเสนอคลิปเสียงสนทนานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างงานธุรการ แต่เท่าที่ได้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเรื่องเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ส่วนกระบวนการตรวจพิสูจน์ หากดีเอสไอได้รับคลิปเสียงมาแล้ว ก็จะตรวจสอบว่าเป็นคลิปเสียงสนทนาจริง หรือพบว่ามีการตัดต่อในช่วงใดหรือไม่ และจะต้องสอบปากคำบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าของเสียงประกอบด้วย

เพราะเราต้องดูว่าใช่เสียงของเขาจริงหรือไม่ มีมูลความจริง มีความหมายอย่างไร รวมทั้งที่มีการระบุว่ามีตัวกลางนั้น ก็ต้องดูต่อว่าตัวกลางคนนี้ได้มาพบเจ้าหน้าที่จริงหรือไม่ ซึ่งในคลิปเสียงดังกล่าวนี้ มีบุคคลที่ดีเอสไอจะต้องเข้าไปสอบปากคำภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คือ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล โดยจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งถ้าหากบอสพอล ให้ข้อมูลอย่างไรกับดีเอสไอเกี่ยวกับคลิปเสียง ดีเอสไอก็จะได้นำข้อมูลการให้ปากคำของบอสพอล มาใช้สำหรับสอบถามกับ นางสาวกฤษอนงค์ ด้วยเช่นกัน เนื่องจากต้องถามว่า กรณีดังกล่าวเจ้าตัวได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเองหรือไม่ หรือได้ให้ตัวกลางบุคคลใดมาแทนหรือไม่

ส่วนที่นางสาวกฤษอนงค์ ได้ชี้แจงว่า ตัวกลางดังกล่าวได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ดีเอสไอก็ต้องตรวจสอบว่าเสียชีวิตจริงหรือไม่ ซึ่งหลักการพิสูจน์ให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ดีเอสไอต้องเน้นไปที่พยานหลักฐานว่า หากมีการจ่ายเงินจริง จ่ายด้วยวิธีการใด อย่างไรก็ตาม ตนเองจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ถ้าพบหลักฐานที่ยืนยันได้ว่ามีเจ้าหน้าที่รายใดกระทำผิดจริง ก็จะต้องดำเนินคดีทั้งทางวินัย และอาญา

สำหรับการฝากขังบรรดา 18 บอส ดิ ไอคอนฯ ขณะนี้เข้าสู่การเตรียมยื่นฝากขังต่อศาลอาญา ผัดที่ 4 ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นผู้ดำเนินการยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลอาญา อีกทั้งตามกรอบเวลาการฝากขังในคดี “ฉ้อโกงประชาชน” สามารถดำเนินการได้ถึง 7 ฝาก พร้อมยืนยันว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวเหมือนเดิม เพราะยังไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง

DSI

ส่วนกรณีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือฟิล์ม ในประเด็นเคยตกเป็นผู้เกี่ยวข้องในคดีแชร์ Forex-3D เพราะมีเส้นทางการเงินรับโอนกว่า 6 ล้านบาท เชื่อมโยงกับนายอภิรักษ์ โกฎธิ ผู้ต้องหาสำคัญในคดีฯ และนายรัฐภูมิ เคยเข้าให้ปากคำในฐานะพยานเพื่อชี้แจงเส้นทางการเงินดังกล่าวกับดีเอสไอเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ว่าเป็นค่าจ้างทำเกม เหตุใดปัจจุบันนี้ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นผู้กระทำผิดด้วยนั้น พันตำรวจตรี ยุทธนา ชี้แจงว่า ในคดีดังกล่าวมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่พนักงานสอบสวน จะพิจารณาจากบุคคลที่พยานหลักฐานชัดเจน ว่าเข้าไปมีเจตนา และก็ต้องดูความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงด้วยว่าเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด

ยกตัวอย่างในคดี ดิ ไอคอนฯ มีบางส่วนที่เป็นดารานักแสดงแล้วถูกแจ้งข้อกล่าวหา เพราะพนักงานสอบสวนต้องดูว่าเกี่ยวข้องมากถึงขนาดรับฟังได้ว่ามีส่วนร่วมในการกระทำความผิด และถ้าหากบุคคลนั้นเพียงแค่รับจ้าง โดยที่ไม่ได้รู้รายละเอียดของธุรกิจที่มันไม่ได้ดำเนินธุรกิจเช่นนั้นจริงๆ ก็ต้องพิสูจน์ว่าเขารู้เท่านั้นจริงหรือไม่ อย่างไร

ทั้งนี้ พันตำรวจตรี ยุทธนา ปิดท้ายว่า ตนเองได้ให้นโยบายแก่คณะพนักงานสอบสวนว่าให้ดำเนินการสอบสวนปากคำบรรดาผู้ต้องหา ดิ ไอคอนฯ ที่ยังมีประเด็นสงสัยเพื่อนำเข้าประกอบในสำนวนคดี อีกทั้งในการประชุมทุกวันศุกร์ของสัปดาห์ เกิดขึ้นเพื่อให้คณะพนักงานสอบสวนได้รายงานความคืบหน้าตามสิ่งที่ได้รับมอบหมายงาน รวมถึงการจัดเตรียมเรียบเรียงเอกสาร และการสอบปากคำพยาน เนื่องจากพยานเอกสารตอนนี้มีจำนวนกว่า 2 แสนแผ่น จึงต้องทำทุกนาทีให้มีค่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ตร.ตม." ขยายผลรวบ 2 ผู้ต้องหา เอี่ยวคดีอุ้มคนจีนรีดค่าไถ่ 12 ล้าน
เปิดสาเหตุพรรคปชน.ส่งผู้สมัคร นายก อบจ.อีก 12 จังหวัด
ระทึก เปิดภาพนาที "ช้างป่า" บุกรื้อค้น ทำลายร้านขายของชำ พังเสียหาย
สำนึกกี่โมง? “พระปีนเสา” ปลุก FC ฮือบุกทำเนียบ-ท้าตี “หลวงพี่น้ำฝน”
ข่าวดี! “กลุ่มเปราะบาง” ดู “หมูเด้ง” เข้าสวนสัตว์ทั่วไทยฟรี 3 ปี
"ธรรมนัส" ยันลงพื้นที่ จ.อุดรธานี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ปัดช่วย "ผู้สมัคร" หาเสียงชิ้งเก้าอี้ นายก อบจ.
หิมะขาวตกห่มหิน ราว‘เห็ดหิมะ’ ในจีน
เกาหลีเหนือขู่ขยายกองทัพนิวเคลียร์แบบไร้ขีดจำกัด
“บิ๊กเต่า” พบเส้นเงินใหม่จากบัญชีแม่ ถึงนาย ส.อีก 10 ล้าน จ่อส่งให้ DSI ทำคดีฟอกเงิน
ตำรวจเชิญ “ปานเทพ” ให้ข้อมูลเพิ่ม ฐานะพยาน “คดีทนายตั้ม” รู้เบาะแสแบ่งเงิน 39 ล้าน ให้ใครบ้าง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น