เมื่อวันที่ 20 พ.ย.67 พ.ต.อ.นาวิน สินธุรัตน์ ผกก. , พ.ต.ท.ศุภวัฒน์ ลัทธปรีชา รอง.ผกก.ป. , พ.ต.ต.สุชาติ ดุสดี สวป. , ร.ต.ต.ธงธวัช พลละคร รอง.สว.สส. พร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษ ฝ่ายงานป้องกันปราบปรามยาเสพติด ( ป.พิเศษ ) สภ. บางละมุง ได้ทำการจับกุม ผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย นายสุรชัย หรือป๋อง ชูดี อายุ 32 ปี , นายณรงค์ หรือเกมส์ บัวไสย์ อายุ 27 ปี และ นางสาว วราภรณ์ ฤทธิ์ศรี อายุ 30 ปี ( เป็นเมียของนายสุรชัย ) พร้อมของกลาง ยาบ้า จำนวน 107,360 เม็ด และ ยาไอซ์ น้ำหนัก 1.083 กก. อีกทั้งยังยึดยนต์ 2 คัน เป็น รถเก๋ง โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์-เทา ทะเบียน กท 154 ฉะเชิงเทรา และ และรถยนต์กระบะสี่ประตู ยี่ห้อ อีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว ทะเบียน กม 4605 สุพรรณบุรี รวมมูลค่าทั้งหมด 2.3 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเมื่อช่วงกลางดึกของวันที่ 19 พ.ย.67 ที่ผ่านมา ชุดปฏิบัติการพิเศษ ฝ่ายงานป้องกันและปราบปราม หรือ ชุด ป.พิเศษ สภ.บางละมุง ได้ทำการล่อซื้อยาบ้า จากแก๊งค์ค้ายาเสพติด ที่แอบลักลอบนำยาบ้าจำนวนมากเข้ามาขายในพื้นที่เขต เมืองพัทยา และ อำเภอบางละมุง โดยมีการติดต่อล่อซื้อยาบ้าจำนวน 2 มัด หรือ 4,000 เม็ด เป็นจำนวนเงิน 18,000 บาท ในระหว่างมีการนัดส่งยาบ้า กลุ่มแก๊งค์ค้ายา มีการสับเปลี่ยนสถานที่นัดส่งยาบ้าตลอดเวลา รวมถึงใช้รถยนต์ 2 คัน ในการขับวนเวียนเพื่อตบตาสายลับ จนกระทั่ง มีการนัดส่งมอบยาบ้ากันที่ บริเวณหน้าวัดเนื่องจำนงค์ ม.3 ต.หนองชาก อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี เมื่อถึงเวลาส่งมอบยาบ้า แก๊งค์ค้ายาเสพติด ซึ่งมีการวางแผนมาเป็นอย่างดี โดยใช้รถยนต์ 2 คัน มาส่งยาบ้าให้กับสายลับ พอมีการส่งมอบยาบ้าสำเร็จ แก๊งค้ายาเสพติด ก็เร่งเครื่องขแยกย้ายกันหลบหนี ไปคนละทิศคนละทาง อย่าง อย่างรวดเร็ว จึงทำให้การล่อซื้อยาบ้าตำรวจในครั้งนั้นไม่ประสบความสำเร็จ
ต่อมาตำรวจมีการวางแผนล่อซื้อยาบ้า จากแก๊งค์ยาเสพติดรายนี้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ตำรวจใช้แผนใหม่ เพราะจากแนวทางการสืบสวนพบว่าหัวหน้าแก๊งค์ยาเสพติดรายนี้ ชื่นชอบ กีฬาชนไก่เป็นอย่างมาก โดยหลอกให้นำยาบ้ามาแลกกับไก่ชน และนัดหมายให้มาดูไก่ชนในพื้นที่ฟาร์มไก่แห่งหนึ่ง ใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พอถึงเวลานัดหมาย หัวหน้าแก๊งค์ยาเสพติด คือ นายสุรชัย หรือป๋อง ชูดี หรือฉายา ป๋อง สุพรรณฯ ได้มาตามนัดหมาย ตำรวจจึงแสดงตัวเข้าควบคุมตัวทันที พร้อมทั้งนำคลิปหลักฐาน การติดต่อล่อซื้อยาเสพติดจาก นายสุรชัย ก่อนหน้านี้มายืนยันการกระทำความผิด จนเจ้าตัวต้องจำนนต่อหลักฐาน