“อัษฏางค์” จัด 5 ข้อ คลายสงสัย “พิธา” ทำไมโดน”เพื่อไทย”เท

“อัษฎางค์” กางเหตุผล 5 ข้อ เป็นคำตอบให้ “พิธา” หลังไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย

“อัษฏางค์” จัด 5 ข้อ คลายสงสัย “พิธา” ทำไมโดน”เพื่อไทย”เท

 

ข่าวที่น่าสนใจ

21 พ.ย.2567 นายอัษฎางค์ ยมนาค โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง พิธาไม่เข้าใจทำไมกลายเป็นศัตรูกับเพื่อไทย อัษฎางค์มีคำตอบให้

โดยนายอัษฏางค์ ระบุรายละเอียดตอนหนึ่งว่า ความสัมพันธ์ระหว่าง พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทย เปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นคู่ขัดแย้งในทางการเมืองปัจจุบันด้วยหลายปัจจัย ทั้งในเชิงอุดมการณ์ นโยบาย และกลยุทธ์ทางการเมือง สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดความขัดแย้งสามารถสรุปได้ดังนี้

1.ความแตกต่างด้านอุดมการณ์และเป้าหมายทางการเมือง พรรคก้าวไกล มีอุดมการณ์ที่ชัดเจนในการผลักดันความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เช่น การปฏิรูปสถาบันหลักของประเทศ รวมถึงกฎหมายมาตรา 112 การปฏิรูปกองทัพ และการลดอำนาจกลุ่มชนชั้นนำ ส่วนพรรคเพื่อไทยเป้าหมายหลักมุ่งเน้นการรักษาฐานเสียงและบริหารจัดการเศรษฐกิจ และหลีกเลี่ยงการปะทะกับชนชั้นนำและโครงสร้างอำนาจเดิมในระดับที่รุนแรง ความแตกต่างในระดับนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยมองพรรคก้าวไกลว่า “ก้าวร้าว”

2.การจัดตั้งรัฐบาลและผลประโยชน์ทางการเมือง หลังการเลือกตั้งปี 2566 พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วม โดยพรรคก้าวไกลในฐานะพรรคที่ได้คะแนนเสียงมากที่สุดเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยตัดสินใจถอนตัวจากพันธมิตร เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับนโยบายการแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 และการไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรี ผลลัพธ์นี้ทำให้ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองพรรคเพื่อไทยว่าเป็น “ศัตรูทางอุดมการณ์”

3.การแข่งขันฐานเสียงและการแย่งชิงบทบาทผู้นำประชาธิปไตย ทั้งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยต่างแย่งชิงการเป็นตัวแทนของฝ่ายประชาธิปไตยในสังคมไทย

 

4. ความไม่ไว้วางใจและการสร้างภาพลักษณ์ในสื่อ ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าพรรคเพื่อไทยเลือกประนีประนอมกับ “ระบอบอำนาจเก่า” และทรยศต่อประชาชนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยและผู้สนับสนุนมองว่าพรรคก้าวไกลมีแนวทางที่เสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ และใช้นโยบายที่อาจขัดแย้งกับสถาบันหลักของชาติ สื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทสำคัญในการขยายความขัดแย้งระหว่างทั้งสองพรรค

5. การเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทย พรรคเพื่อไทยเคยถูกมองว่าเป็นพรรคที่ท้าทายโครงสร้างอำนาจเดิมในยุครัฐบาลทักษิณ แต่ในปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเลือกที่จะประนีประนอมและเข้าร่วมกับพรรคที่เป็นตัวแทนของระบอบอำนาจเก่า การตัดสินใจนี้ถูกมองว่าเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองในระยะสั้น แต่กลับทำลายภาพลักษณ์ในระยะยาว โดยเฉพาะในสายตาผู้สนับสนุนประชาธิปไตย

นายอัษฏางค์ สรุปว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแปลงจากพันธมิตรเป็นศัตรู เนื่องจากความแตกต่างในอุดมการณ์ นโยบาย และผลประโยชน์ทางการเมือง การแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำในกลุ่มประชาธิปไตยยิ่งทำให้ความขัดแย้งทวีความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยเลือกเส้นทางที่ฐานเสียงของพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ประชาธิปไตย ในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคนี้จะยังคงถูกกำหนดโดยปัจจัยเหล่านี้ และอาจขึ้นอยู่กับวิธีที่ทั้งสองพรรคปรับตัวเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในระยะยาวครับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เปิดชัด ๆ "โพยฮั้วสว."ไม่ได้แค่สีน้ำเงิน "ดีเอสไอ" สอบด่วน คว้า 8 เก้าอี้ สำรอง 11
“ธนกร” แนะรบ.เร่งทำผลงาน หลังโพลเผยผ่าน 6 เดือน ปชช.ยังไม่พอใจ
"ลำไย ไหทองคำ" เคลื่อนไหว เคลียร์ชัดทุกปมดราม่า หลังโดนขุดเหตุที่เลิกกับ "ปุ้ย L.กฮ."
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) จีนเร่งพัฒนาหุ่นยนต์ดูแลผู้สูงอายุ
"รัฐบาล" เตือนประชาชน ซื้อสลากผ่านตู้ ระวัง "หวยทิพย์" ขึ้นรางวัลไม่ได้ แถมผิดกฎหมาย
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ทีมบินผาดโผนจีนเตรียมโชว์ในไทย ฉลองสัมพันธ์ 50 ปีจีน-ไทย
กกต. เคาะเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 2 บึงกาฬ 30 มี.ค. เปิดรับสมัคร 5-9 มี.ค.นี้
สหรัฐฯระงับความช่วยเหลือทางทหารยูเครนจนกว่าจะขอโทษ
คลังจัดเก็บรายได้ 4 เดือนแรก เกินเป้า 1 หมื่นล้านบาท ชี้ “สรรพสามิต-ศุลกากร” รีดภาษีต่ำเป้า
ระทึก หนุ่มซิ่งกระบะ แหกด่านชนพ่วง 18 ล้อพังยับ ค้นรถเจอยาบ้า 5 ล้านเม็ดซุกเต็มคัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น