คลี่ 6 ข้อกล่าวหาเขย่าขวัญ “ทักษิณ” ล้มล้างฯ จับตาศาลรธน.รับ-ไม่รับคำร้อง?

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ รับหรือไม่รับคำร้อง “คดีทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง 6 ข้อกล่าวหาสะเทือนบัลลังก์นายใหญ่

Top news รายงาน ความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สำคัญในวันนี้ ต้องจับตาไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีนัดประชุมเวลา 09.30 น. เพื่อพิจารณาว่าจะรับ หรือ ไม่รับคำร้อง กรณีนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 67 ให้วินิจฉัยว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ 60 มาตรา 49

โดยคำร้องที่นายธีรยุทธกล่าวหาว่า ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย กระทำการซึ่งเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ใน 6 ประเด็น ได้แก่

ข่าวที่น่าสนใจ

1.นายทักษิณ ใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ เอื้อประโยชน์แก่ตัวเองระหว่างต้องโทษจำคุก ให้ได้พักอาศัยอยู่ห้องพัก ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว เป็นการฝ่าฝืน ไม่น้อมรับโทษจำคุกในเรือนจำตามพระบรมราชโองการ ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศ ของสถาบันพระมหากษัตริย์

2.นายทักษิณ มีพฤติกรรมฝักใฝ่ คบหากับสมเด็จฮุน เซน ซึ่งเป็นผู้นำทางการเมืองประเทศกัมพูชา และนายทักษิณมีพฤติการณ์เป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการพรรคเพื่อไทย เป็นเครื่องมือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาล ให้เอื้อประโยชน์กับสมเด็จฮุน เซน ให้กัมพูชาละเมิดอธิปไตยทางทะเลของไทย โดยให้มีการเจรจาพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่า เป็นเขตพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล เพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติ และทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา

3.นายทักษิณสั่งพรรคเพื่อไทยร่วมมือพรรคประชาชน หรือพรรคก้าวไกลเดิม แก้รัฐธรรมนูญ เข้าข่ายร่วมกันล้มล้างการปกครอง เพราะพรรคการเมืองดังกล่าว เป็นพรรคการเมืองที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

4.นายทักษิณ ครอบงำเพื่อไทย เจรจาพรรคร่วมรัฐบาลที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อหารือการเสนอบุคคล ผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เป็นการกระทำอันมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญ ของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครอง ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด

5.นายทักษิณอยู่เบื้องหลังการขับพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทยยินยอมกระทำการตามที่ทักษิณสั่งการ ถือเป็นการกระทำอันมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด

6.นายทักษิณสั่งเพื่อไทยดำเนินนโยบายตามวิสัยทัศน์ ที่แสดงไว้เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 67 ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 12 กันยายน 67 เป็นการกระทำอันมีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบพรรคการเมือง ที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่สำคัญของระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการกระทำที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด

 

ในท้ายคำร้อง นายธีรยุทธขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งการ 8 ประเด็น ดังนี้

-ให้นายทักษิณเลิกกระทำการใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ กระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศ ของสถาบันพระมหากษัตริย์

-ให้นายทักษิณเลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการพรรคเพื่อไทย

-ให้นายทักษิณเลิกใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการ

-ให้นายทักษิณเลิกกระทำการใช้พรรคเพื่อไทยเป็นเครื่องมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ด้วยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

-ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณใช้เป็นเครื่องมือ กระทำการอันเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพระเกียรติยศ ของสถาบันพระมหากษัตริย์

-ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณ เลิกกระทำการเป็นเจ้าของ ผู้ครอบครอง ผู้ครอบงำ และเป็นผู้สั่งการการดำเนินงานของพรรค

-ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอม ให้นายทักษิณใช้พรรคเป็นเครื่องมือ ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน สั่งการรัฐบาลให้ดำเนินการตามความต้องการ

-ให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ด้วยวิถีทางที่ไม่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

โดยหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้อง ก็จะดำเนินการตามกระบวนการพิจารณาต่อไป

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สงกรานต์โคราชคึกคัก "มาดามหน่อย" นำทัพ วันไหลเสิงสาง สงกรานต์สาดสุข
ปิดฉากแข่งวอลเลย์บอลชายหาด "Est Cola AVC Beach Tour 24th Samila Open 2025" สมิหลา "ผู้ว่าฯสงขลา" ย้ำเดินหน้ายกระดับลุยซีเกมส์ปลายปี
"พฐก.-นิติเวช" เผยความคืบหน้าพิสูจน์ DNA ผู้เสียชีวิต เหตุตึก สตง.ถล่ม ยืนยันตัวตนได้แล้ว 33 ราย
ปธน.สีจิ้นผิงถึงกัมพูชา-พบฮุนเซนช่วงบ่าย
"บิ๊กต่าย" ฮึ่มใส่ลูกชาย"นายกเบี้ยว" อยู่ในสังคมยาก พฤติกรรมน่ารังเกียจ ขับรถไล่เบียดชนลุงป้าเจ็บ
"นายกฯ" ถึงร้องโอ้ว โซเชียลแชร์ภาพคู่ ลูกชาย "นายกเบี้ยว"
สัมพันธ์จีน-กัมพูชาแข็งแกร่ง หนุนกัมพูชารักษาเอกราชเชิงยุทธศาสตร์
จีน-มาเลเซียมุ่งมั่นสนับสนุน 'อาเซียน'
"นายกเบี้ยว" รุดเยี่ยม 2 ลุงป้า แจงติดต่อลูกชายไม่ได้ ปกติเป็นคนขับรถดีมาก
จีนเมิน 'เกมภาษี' ของสหรัฐฯ ชี้ไร้ค่า-พร้อมตอบโต้เด็ดขาด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น