เมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.วาริน ชิณวงศ์ ผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทย คว้าชัยชนะเหนือนางกนกพร เดชเดโช อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช และเป็นมารดาของนายชัยชนะ ในการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ว่า ขอแสดงความยินดีกับ น.ส.วาริน ว่าที่นายก อบจ.นครศรีธรรมราช คนใหม่ สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ. ครั้งนี้ การใช้สื่อโซเชียลเป็นตัวแปรสำคัญและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของประชาชนในพื้นที่อย่างมาก โดยเป็นสื่อที่ทำให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งรู้จัก น.ส.วาริน มากขึ้น สำหรับแนวทางการหาเสียงของนางกนกพร ใช้วิธีตระเวนพบปะประชาชนทุกพื้นที่ และนำเสนอผลงานที่ผ่านมา รวมถึงสิ่งที่จะทำในอนาคต แต่ในเมื่อประชาชนเชื่อในข้อมูลจากสื่อโซเชียลมากกว่า ประกอบกับเขาอยากเปลี่ยนแปลง เราก็ต้องน้อมรับในจุดนี้… นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คะแนนของนางกนกพร เพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งนายก อบจ. เมื่อปี 2563 ประมาณ 30,000 กว่าคะแนน และในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีผู้ลงสมัคร 7 คน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการใช้สื่อโซเชียลของ น.ส.วารินทำได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้สื่อ “TikTok” จึงทำให้เราต้องปรับกลยุทธ์สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่เราก็พบว่ามีคนบางส่วนสร้างแอคเคานท์ในสื่อโซเชียลมาออกข่าวใส่ร้ายป้ายสีโจมตีนางกนกพร ทั้งที่ฝ่ายเราพยายามนำเสนอผลงานต่างๆ ที่นางกนกพรได้ทำ เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่ามีกลุ่มก้อนฝ่ายที่ไม่สนับสนุนนางกนกพร และมีพรรคร่วมรัฐบาลบางส่วน ร่วมกันรุมพรรคประชาธิปัตย์ จึงทำให้นางกนกพรแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนไม่ได้มองอย่างนั้น และขออย่ามองว่าเป็นการรุมกัน ทั้งนี้ การเมืองเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของทุกคน ขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องของหลักแนวคิด แต่สุดท้ายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ผู้สื่อข่าวถามว่ามีบางฝ่ายวิเคราะห์ว่าเหตุที่นางกนกพรพ่ายแพ้ เพราะประชาชนต้องการลงโทษพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไปพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ นายชัยชนะ กล่าวว่า เราต้องถอดบทเรียนในกรณีนี้ก่อน ซึ่งมี 3 ปัจจัย คือ 1.มีคนกล่าวอ้างว่าการที่นางกนกพรลาออกจากตำแหน่งนายก อบจ. ก่อนครบวาระ ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณนั้น ที่จริงมีนายก อบจ. เกือบทั่วประเทศลาออกก่อนครบกำหนด และการลาออกก่อนกำหนดก็ไม่ได้ทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ 2.การที่พรรคประชาธิปัตย์ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น เรายอมรับว่ามีประชาชนบางส่วนมีความรู้สึกต่อเรื่องนี้ และ 3.มีคนบางส่วนที่มองเรื่องบ้านใหญ่มาทำการเมืองนั้น เป็นเรื่องของการเมืองครอบครัว แต่ก็ลืมนึกกันว่าอีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นการเมืองครอบครัว ซึ่งสมาชิกครอบครัวเขาหลายๆ คน ก็เคยลงแข่งขันกับเราตลอด แต่ที่ผ่านมา เขาแพ้เรา นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ตนวิเคราะห์กับทีมงานของนางกนกพร ว่าในการเลือกตั้งทั้ง 23 อำเภอใน จ.นครศรีธรรมราช มี 21 อำเภอ ที่ผลแพ้-ชนะสูสีกัน ยกเว้น อ.เมือง และ อ.ทุ่งสง ที่นางกนกพรแพ้ไปประมาณ 46,000 คะแนน จึงกลายเป็นตัวชี้ขาด อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ เรายินดีทำงานได้กับทุกฝ่าย และนางกนกพรประกาศว่าจะไม่ยื่นร้องเรียนอะไร ยอมรับการตัดสินใจของประชาชน เราจะทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ สิ่งไหนที่ถูกต้อง เราก็สนับสนุน แต่ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง ก็มาว่ากล่าวกัน เมื่อถามว่าพรรคประชาธิปัตย์จะแก้ปัญหาฐานเสียงใน จ.นครศรีธรรมราช อย่างไร เพราะเหลืออีกประมาณ 3 ปี จะมีการเลือกตั้งใหญ่รอบใหม่เกิดขึ้น และภาคใต้เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ นายชัยชนะ กล่าวว่า เราถอดบทเรียนจากเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อประชาชนตัดสินใจเลือกว่าที่นายก อบจ. คนใหม่แล้ว ก็ต้องรอดูว่าคนใหม่จะทำงานจะเป็นอย่างไร แต่ฝ่ายเราก็ต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ด้วย เพราะเรายังขาดฐานเสียงที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไพฑูรย์ อินทศิลา / นครศรีธรรมราช 26 พ.ย.22567 ข่าวที่น่าสนใจ ข่าวที่เกี่ยวข้อง -