(26 พ.ย.) ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชหลังจากฝนตกหนักมาเกือบ 1 สัปดาห์ ทำให้หลายพื้นที่ในหลายอำเภอถูกน้ำท่วม พื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของเกษตรกรจนได้รับความเดือดร้อนเป็นบริเวณกว้าง แต่ในภาพรวมถือว่าสถานการณ์ยังไม่รุนแรงมากนัก โดยเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลัง ออกช่วยเหลือผู้ประสบภัย อย่างต่อเนื่อง
ในขณะที่ในเขตอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช ระดับน้ำในแม่น้ำลำคลองได้เพิ่มระดับสูงขึ้น จนไหลบ่าเข้าท่วมถนนพื้นที่การเกษตรและบ้านเรือนของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะในหมู่ 1 หมู่ 2 ตำบลมะม่วงสองต้น และหมู่ 3 หมู่ 6 หมู่ 8 ตำบลโพธิ์เสด็จอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยนายจักรกฤษณ์ ฝั่งชลจิตร์ นายอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ร่วมกับศูนย์ข่าวนคร 24 ชั่วโมง สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราชและชมรมคนรักรถจิ๊บจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้นำรถจิ๊บกว่า 10 คันออกตรวจพื้นที่น้ำท่วมและช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยในหมู่ 1 หมู่ 2 ตำบลมะม่วงสองต้น โดยมีการแจกน้ำดื่มให้กับประชาชนที่ประสบภัยซึ่งเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยมีกำนันผู้ใหญ่บ้านในแต่ละพื้นที่ ให้การต้อนรับและ นำตรวจพื้นที่ ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยพิบัติ น้ำท่วม
ทางด้านนายวิฑูรย์ หัสภาคย์ นายกเทศมนตรีตำบลโพธิ์เสด็จ และนายอำพร กัลปหา ปลัดเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ ได้ลงพื้นที่ หมู่ 3 หมู่ 6 และหมู่ 8 ตำบลโพธิ์เสด็จพร้อมจัดตั้งศูนย์ เฉพาะกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่หมู่ 8 ตำบลโพธิ์เสด็จอำเภอเมืองจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากต่อเนื่องทุกปี และได้สั่งการให้นำเรือทองแบนพร้อมอุปกรณ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัย และให้กำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตรวจตราตลอด 24 ชั่วโมง ในขณะที่ ใน หมู่ 3 ตำบลโพธิ์เสด็จ ซึ่งมีนายทุนคนดังได้ถมคลองสาธารณะ “คลองห้วยพานหนองกก” ที่ประชาชนใช้ร่วมกันมาว่า 100 ปี โดยอ้างว่ามีโฉนดที่ดินถูกต้องทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาน้ำที่เคยระบายผ่านคลองห้วยพานไม่สามารถระบายได้ จึงเกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ นับร้อยไร่ ถนนสายห้วยพาน-หนองกก ถูกน้ำท่วม เกือบ 1 เมตรจนรถผ่านไปมาไม่ได้ทางเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จได้ปิดการจราจรถนนสายดังกล่าว
นายวิฑูรย์ หัสภาคย์ กล่าวว่า ในจุดดังกล่าว เป็นหนองขนาดใหญ่ที่รับน้ำ จากเทือกเขาหลวง และไหลไปตามคลองห้วยพาน กว้างประมาณ 10 เมตร โดยเมื่อ 50 ปีก่อนทางราชการได้สร้างสะพานไม้ เพื่อใช้ ข้ามคลอง และต่อมา ได้มีการสร้างเป็นสะพานคอนกรีตกว้างประมาณ 10-15 เมตรทดแทน มาจนถึงปัจจุบัน จนเมื่อมีการตรวจสอบแนวเขตโฉนดที่ดินของนายทุนคนหนึ่ง เจ้าพนักงานที่ดินได้มาปักหลักหมุดแนวเขตข้ามคลองมาอีกฝั่งหนึ่งเสมือนไม่มีลำคลอง นายทุนจึงทำการถมลำคลอง ห้วยพ่านปิดทางระบายน้ำ อย่างสิ้นเชิง ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอย่างหนัก ในพื้นที่ด้านบน จน ประชาชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ส่วนมังคุดสวนทุเรียนสวนยางพาราถูกน้ำท่วมขังจนยืนต้นตายนับ 100 ไร่ โดยตนและเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จไม่มีอำนาจในการตรวจสอบและเพิกถอนโฉนดที่ดิน เมื่อ 2 ปีก่อนจึงยื่นเรื่องให้อำเภอเมือง นครศรีธรรมราชทำการตรวจสอบ และสรุปส่งเรื่องให้เจ้าพนักงานที่ดินสำนักงานที่ดิน จังหวัดนครศรีธรรมราช เข้ามารังวัดตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีการออกโฉนดที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่จนถึงขณะนี้เงียบหายไม่มีการเคลื่อนไหวหรือดำเนินการใด ๆ
จึงอยากให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วยประสานและสั่งการไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราชดำเนินการตรวจสอบพื้นที่โดยด่วนหากพบว่าเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบก็ให้ เร่งดำเนินการเพิกถอน และกันพื้นที่ลำคลองสาธารณะออกไป แต่หากเป็นการออกโฉนดที่ดินโดยชอบ ทางเทศบาลตำบลโพธิ์เสด็จ จะได้วางแผนหาทางแก้ไขหาทางออกเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้รับความเดือดร้อนในแนวทางอื่นต่อไปไม่ใช่ปล่อยให้คาราคาซังบนพื้นฐานความเดือดร้อนของประชาชนในลักษณะนี้”นายวิฑูรย์ กล่าว
ไพฑูรย์ อินทศิลา / นครศรีธรรมราช
26 พ.ย.2567