จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้ถามเรื่องราวในเรือนจำแบบเจาะลึก จากคนที่เคยเป็นผู้ต้องขังอย่าง เอส ร่มเกล้า ว่าการลงขันมันมีจริงหรือไม่ โดยเอส เล่าว่า การลงขันมันมีมานานแล้ว มีมาตลอด ใครที่โดนลงขัน บอกเลยว่าอยู่ลำบาก เพื่อนผู้ต้องขังคนอื่นเค้าก็จะรังเกียจ ไม่มีใครอยากจะยุ่งด้วย ในเรือนจำมี 8 แดน แต่ละแดนจะมีขาใหญ่ แม้คนที่โดนลงขันจะโดนย้ายไปอยู่แดนอื่น ก็อยู่ลำบากอยู่ดี เพราะเรื่องมันถึงกันหมด

อย่างกรณีของทนายตั้ม ถ้าโจทก์ของทนายตั้มเข้าไปในคุกก่อน แล้วเค้าไปสร้างรากฐาน สร้างอิทธิพล หรือมีเพื่อนมีเครือข่าย แน่นอนว่า ทนายตั้มตามเข้าไปทีหลัง อยู่ยาก ลำบากแน่ มีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะมีเรื่องมีราว เพราะการอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่เจอกันแค่ตอนทำงาน แต่ตอนขังก็ต้องเจอกันอีก ตั้งแต่ 4 โมงเย็นยันเช้า ซึ่งช่วงเวลานี้เจ้าหน้าที่เค้าอาจจะไม่ได้เดินดูตลอด ก็อาจจะทำให้มีปัญหาได้ตอนนั้น เอส ร่มเกล้า อธิบายต่อว่า คำว่าลงขันคือต้นเรื่องเค้าจะไม่ทำเอง แต่จะใช้เงิน กาแฟ หรือของใช้ ที่ถือเป็นสกุลเงินข้างใน วางรวมกันหลายๆ คน เพื่อจ้างซามูไร เป็นคนไปจัดการ

ถามว่า ซามูไร คืออะไร เอส เล่าว่า ในเรือนจำจะมีนักโทษประเภทที่อยู่ไปวันๆ ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ได้ลดโทษ ออกไปก็ไม่รู้จะทำมาหากินอะไร พวกนี้เรียกว่า พวกซามูไร เป็นกลุ่มที่รับงาน แล้วบอกเลยว่าน่ากลัวมาก มีระดับการรับงานตั้งแต่ทำร้ายร่างกาย จนถึงทำให้เสียชีวิต แล้วพวกนี้อยู่ในคุกมานาน รู้มุมกล้อง รู้มุมอับ รู้ทางหนีทีไล่เป็นอย่างดี

ผู้ดำเนินรายการแย้งว่า แต่ทางกรมราชทัณฑ์ เค้ารับประกันความปลอดภัยของทนายตั้มนะ เอส บอกว่า คาดว่าทางราชทัณฑ์คงพิจารณาดู ว่านักโทษคนไหนสุ่มเสี่ยงจะโดนลงขัน ก็คงไม่ส่งไปอยู่ในแดนที่ต้องเผชิญหน้ากับโจทก์ แต่ก็คงไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น เค้าอาจจะไม่โดนเลยก็ได้ หรืออาจจะโดนก็ได้ ข้างในอะไรก็เกิดขึ้นได้ คนไม่เคยเจอกันมาก่อน เขม่นกันนิดหน่อยแล้วโดนก็มีเยอะ