สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ หรือ KCNA รายงานข่าวเรื่องการประกาศกฎอัยการศึกในเพื่อนบ้านทางใต้เป็นครั้งแรก ในวันนี้ (11 ธันวาคม ) โดยระบุว่า .เกิดเหตุสุดช็อกของระบอบหุ่นเชิด ยุน ซอก ยอล ที่จู่ ๆ ก็ประกาศกฎอัยการศึก การกวัดแกว่งปืนและมีดอย่างไม่มีความลังเลของ “เผด็จการฟาสซิสต์” ก่อให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วเกาหลีใต้”
สื่อทางการเกาหลีเหนือ ลงรายละเอียดในคืนประกาศกฎอัยการศึก วันที่ 3 ธันวาคม ก่อนยกเลิกใน 6 ชั่วโมงให้หลัง ว่า เฮลิคอปเตอร์หลายลำบินวน กองกำลังบังคับใช้กฎอัยการศึกพร้อมอาวุธ ที่รวมถึงองค์กรแก๊งสเตอร์อย่าง หน่วยบัญชาการปฏิบัติการพิเศษ ปิดล้อมอาคารสภา เรื่อยไปจนถึงการชุมนุมใหญ่ของภาคประชาชน หลังจากการยื่นถอดถอนประธานาธิบดียุนในสภาล้มเหลว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และอ้างคำพูดของผู้ร่วมชุมนุมที่ประณามประธานาธิบดียุน ว่า “ก่อหายนะ” และเรียกร้องให้ถอดถอน และ ลงโทษ ทันที
รายงานสื่อเกาหลีเหนือ ระบุด้วยว่า ประชาคมโลกกำลังจับตามอง และประเมินว่า กฎอัยการศึกเปิดให้เห็นถึงความเปราะบางมากมายในสังคมเกาหลีใต้ และเชื่อว่า อนาคตการเมืองของ ยุน ซอก ยอล คงจะจบลงก่อนกำหนด
หนังสือพิมพ์ โรดอง กระบอกเสียงพรรคกรรมกรของเกาหลีเหนือ ลงเนื้อหาข่าวเดียวกันกับ KCNA พร้อมกับภาพการชุมนุมของมวลชนที่หน้าสภาในกรุงโซล สำนักข่าว ยอนฮัพ ของเกาหลีใต้รายงานว่า ปกติแล้ว หนังสือพิมพ์ โรดอง ลงบทความวิจารณ์ประธานาธิบดียุนเป็นประจำ แต่จู่ ๆ ก็หยุดไปเมื่อวันพุธที่แล้ว (8 ธ.ค.) หนึ่งวันหลังการประกาศและยกเลิกกฎอัยการศึก
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆ เมื่อคืนวานนี้ (10 ธ.ค.) ศาลอนุมัติหมายจับ นายคิม ยอง ฮยอน อดีต รัฐมนตรีกลาโหม ในข้อหาก่อกบฏแล้ว ทำให้เขาเป็นคนแรกในรัฐบาลประธานาธิบดียุน ที่ถูกออกหมายจับอย่างเป็นทางการ นับจากประกาศกฎอัยการศึก ข้อหารวมถึง “เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่สำคัญในระหว่างก่อการกบฏ” และ “ใช้อำนาจโดยมิชอบเพื่อขัดขวางการแสดงออกถึงสิทธิ” ในช่วง 6 ชั่วโมงก่อนยกเลิกกฎอัยการศึก
โฆษกศาลเขตโซลกลาง เปิดเผยว่าการออกหมายจับอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเกรงว่าอาจมีการทำลายหลักฐาน ประกอบกับการกระทำตามข้อกล่าวหา เข้าข่ายอาชญากรรมที่อัยการมีอำนาจเริ่มกระบวนการสอบสวนได้
อัยการกล่าวหา นายคิม คบคิดกับประธานาธิบดียุน ก่อเหตุจลาจล หวังผลล้มล้างรัฐธรรมนูญ และสงสัยว่าเขาเป็นคนที่ร่างกฎอัยการศึก รวมถึงส่งทหารเข้าไปตรึงกำลังที่รัฐสภา และที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง อัยการสอบปากคำอดีตรัฐมนตรีกลาโหม 3 รอบนับจากถูกควบคุมตัวเมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งเขายอมรับว่าเป็นคนที่เสนอให้ยุนประกาศกฎอัยการศึก แต่อ้างว่าการกระทำนี้ไม่ผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญ
ตามกฎหมาย หัวหน้าก่อการกบฏ อาจมีโทษถึงประหารหรือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนคนที่มีส่วนร่วมก่อกบฏ หรือเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมสำคัญอื่น ๆ อาจมีโทษถึงประหาร จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกไม่ต่ำกว่า 5 ปี
นอกจากนี้ ในส่วนของสภาแห่งชาติ หรือรัฐสภา ซึ่งพรรคฝ่ายค้านครองเสียงข้างมาก ยังได้ผ่านมติแต่งตั้งอัยการพิเศษสอบสวนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก และผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 โดยหั่นงบ 4.1 ล้านล้านวอน ลงมาอยู่ที่ 673.3 ล้านล้านวอน ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่แผนงบประมาณประจำปีผ่านความเห็นชอบ โดยไม่ผ่านการทำความตกลงกับรัฐบาล