เครื่องบินขับไล่ มิราจ-2000 จำนวน 2 ลำ ทะยานขึ้นจากฐานทัพฝรั่งเศสในกรุง เอนจาเมนา เมืองหลวงของสาธารณรัฐชาด เมื่อบ่ายวันอังคารที่ 10 ธันวาคมตามเวลาท้องถิ่น มุ่งหน้ากลับฐานทัพอากาศ ที่เมืองนองซ์ ทางตะวันออกของฝรั่งเศส อันเป็นสัญญาณการเริ่มต้นถอนกองกำลังออกจากประเทศอดีตอาณานิคมในแอฟริกากลาง หลังจากรัฐบาลชาด ประกาศยุติข้อตกลงความร่วมมือทางทหารกับฝรั่งเศส เมื่อสองสัปดาห์ก่อน
โฆษกกองทัพฝรั่งเศส กล่าวว่า การเจรจากับรัฐบาลชาด ยังดำเนินการต่อไป ว่าฝรั่งเศสจะถอนกองกำลังราว 1 พันคน อย่างไรและเมื่อไหร่ จะถอนออกมาทั้งหมด หรือคงไว้บางส่วนหรือไม่
รัฐบาลชาด ซึ่งเป็นพันมิตรฝรั่งเศสในการต่อสู้กับกลุ่มสุดโต่งในภูมิภาค ประกาศยุติข้อตกลงทางทหารกับอดีตเจ้าอาณานิคมเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน หลังจากที่นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสไปเยือนไม่กี่ชั่วโมง โดยไม่มีการส่งสัญญาณให้ฝรั่งเศสรับรู้ล่วงหน้ามาก่อน ประธานาธิบดี อีดริส เดบี ของชาด ประกาศว่า นี่เป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์ของประเทศ หลังได้รับเอกราชในปี 2503 เพื่อที่ชาดจะได้กำหนดหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ใหม่ ให้สอดคล้องกับลำดับความสำคัญเร่งด่วนของชาติ
ที่ผ่านมา ชาดยังไม่เคยเจาะจงว่า ทหารฝรั่งเศสต้องออกไปเมื่อไหร่ และย้ำว่าการสิ้นสุดความตกลงทางทหาร ไม่ได้หมายถึงปัญหาในความสัมพันธ์ประวัติศาสตร์ระหว่างกัน ทั้งสองยังต้องการรักษาความสัมพันธ์ในด้านอื่น ๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน
สัปดาห์ที่แล้ว มีประชาชนหลายร้อยคนเดินขบวนในกรุงเอนจาเมนา เรียกร้องให้ฝรั่งเศสถอนทหารทันที โดยตะโกนถ้อยคำเช่น “ชาดมีไว้เพื่อพวกเรา ฝรั่งเศสออกไป” บ้างถือแผ่นป้ายว่า “เราไม่ต้องการเห็นคนฝรั่งเศสในชาดแม้แต่คนเดียว”
ชาดเป็นหนึ่งในประเทศท้าย ๆ ในภูมิภาคแล้ว ที่ฝรั่งเศสยังคงมีทหารประจำการอยู่ หลังจากต้องถอนทหารออกมาจากไนเจอร์ มาลี และ บูร์กินา ฟาโซ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ท่ามกลางกระแสต่อต้านเจ้าอาณานิคม ก่อนที่ประเทศเหล่านั้นหันไปกระชับสัมพันธ์กับรัสเซีย ประเทศที่มีทหารรับจ้างกระจายอยู่ทั่วภูมิภาคซาเฮล ซึ่งเป็นรอยต่อกว้างใหญ่ทางใต้ของทะเลทรายซาฮามา
การถอนทหารออกจากชาด จะเป็นการปิดฉากการคงทหารฝรั่งเศสในภูมิภาคซาเฮล ที่ดำเนินมายาวนานหลายทศวรรษ และปฏิบัติการทางทหารโดยตรงของฝรั่งเศสต่อกลุ่มติดอาวุธอิสลามในพื้นที่ดังกล่าว ก็สิ้นสุดลงเช่นกัน