ควันหลงคลื่นใต้น้ำภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังเหตุการณ์พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไล่ตะเพิดร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ 2 แกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาลเรือเป๊ะข้อหาวางแผนคว่ำนายกฯ ล่าสุดก่อนหน้านี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จัดการดึงน้องรักอย่างพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก นายทหารคนดังที่กว้างขวางหลายวงการทั้งสีเขียว สีกากี การเมือง กีฬา ธุรกิจ แวดวงคนชั้นสูง ฯลฯ เข้ามาผนึกกำลังกับร.อ.ธรรมนัส ที่หลังถูกเขี่ยพ้นครม.ดูเหมือนจะเสียรังวัดเสียความมั่นใจไปมาก ด้วยเหตุนี้พี่ใหญ่ 3 ป.อย่างพล.อ.ประวิตรจึงจำเป็นต้องดึงพล.อ.วิชญ์ที่เป็นลูกพี่เก่าร.อ.ธรรมนัสมาผนึกกำลังสร้างฐานอำนาจกันใหม่ให้แน่นแฟ้นแข็งแรงกว่าเก่า ด้านนึงก็สกัดอำนาจภายในพรรคที่ร.อ.ธรรมนัสก็ยังไม่วางใจกลุ่มสามมิตร 4 ว. ของ “สุริยะ-สมศักดิ์-อนุชา-สุชาติ” อีกด้านก็กลัวมือที่มองไม่เห็นจากภายนอกจากตึกไทยคู่ฟ้าของพล.อ.ประยุทธ์ที่พยายามล้วงลูกเข้ามายึดอำนาจภายในพรรค
เพราะพล.อ.ประยุทธ์ก็อ่านเกมส์ออกมองสถานการณ์ขาด หากปล่อยให้ตัวเองขาลอยหรือขาดมือไม้เข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐเหมือนเก่าอีก มีหวังอนาคตถูกร.อ.ธรรมนัสจับขึ้นเขียงถูกผู้กองแกงได้ง่ายๆ ด้วยเหตุนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุล็อบบี้พรรคเล็กแจกกล้วยลิงล้มสร.1 อีก เที่ยวนี้ดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์จะสุขุมรอบครอบระมัดระวังตัวในการเดินเกมส์ในพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น ไม่บุ่มบ่ามไม่วู่วามไม่ใจร้อนจนเสียงานใหญ่ ล่าสุดก็ใช้แผนปรับทุกข์ผูกมิตรกับก๊วนสามมิตร 4 ว. ตอนนี้ก็ได้ใจนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน คนใหญ่ชลบุรีมาเป็นพวกเดินข้างได้คนนึงแล้ว ส่วนแกนนำที่เหลืออีก 3 พระหน่ออย่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.พลังงาน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แม้ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเป็นสายตรงของพล.อ.ประยุทธ์ซะทีเดียว แต่ก็ถือว่าทั้ง 3 คนเป็นก๊วนพันธมิตรที่ดีต่อกันและสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ด้วยดีมาตลอด
ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ก็รุกคืบเข้าไปในพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง หลังมีข่าวว่าพล.อ.ประวิตรเตรียมตั้งนายสมศักดิ์ที่อดีตเคยเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ติดขัดว่าตำแหน่งนี้ต้องมีการเรียกประชุมใหญ่พรรคก่อนถึงจะตั้งได้ เพราะฉะนั้นพล.อ.ประวิตรจึงจะแก้ขัดด้วยการตั้งนายสมศักดิ์เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐไปก่อน จากนั้นในอนาคตค่อยไปปรับตำแหน่งกันอีกที จังหวะเดียวกันนี้ทางพล.อ.ประยุทธก็เลยขอฝากนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐด้วย และน่าจะได้ขึ้นชั้นเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั่งเก้าอี้เดียวกับนายสมศักดิ์พร้อมกันเลย
สำหรับนายพีระพันธุ์นั้นอดีตเคยเป็นรมว.ยุติธรรมยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ เป็นรุ่นน้องพล.อ.ประวิตรที่ร.ร.เซนต์คาเบรียล จบการศึกษาด้านกฎหมายหลายหลักสูตร อาทิ ป.ตรี นิติศาสตร์บัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา ป.โท กฎหมายอเมริกันทั่วไป (LLM) และ ป.โท กฎหมายเปรียบเทียบ (MCL) ม.ทูเลน สหรัฐอเมริกา เคยมีประสบการณ์ทำงานเป็นผู้พิพากษาและข้าราชการตุลาการมาก่อนเข้าการเมืองสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หลังลาออกจาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ช่วงธ.ค.62 พล.อ.ประยุทธ์ได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ทันที ถือเป็นที่ปรึกษานายกฯ ที่รับผิดชอบงานสำคัญๆ เป็นมือทำงานที่เข้าไปแก้ไขปัญหาหลายเรื่องให้ พล.อ.ประยุทธ์ อาทิ เป็น 1 ในคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ บ. การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ 60 สภาผู้แทนราษฎร ฯลฯ ถือเป็นนักการเมืองใกล้ชิดเป็นสายตรงที่พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายภารกิจงานสำคัญๆ ให้รับผิดชอบมาโดยตลอด รอบนี้ก็มีข่าวจะถูกส่งตัวไปเป็นหูเป็นตาให้พล.อ.ประยุทธ์ในพรรคพลังประชารัฐ
บวกลบคูณหารหากข่าวเรื่องนายพีระพันธุ์เป็นจริง ก็ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าพี่น้อง 2 ป. คือ ลุงป้อมกับบลุงตู่คงคุยกันเข้าใจแล้ว เพราะที่ผ่านมาในพรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตรแทบไม่ค่อยเปิดใจรับใครหรือให้ใครเข้าไปเป็นแกนนำในพรรคได้ง่ายๆ หาไม่ใช่คนใกล้ชิดหรือคนวงในตัวเองจริงๆ ที่ผ่านมาเคยมีการเสนอชื่อนักการเมือง ทหารหลายคนให้เข้าไปในพรรคพลังประชารัฐ แต่สุดท้ายก็โดนอิทธิฤทธิ์พล.อ.ประวิตรดีดออกเขี่ยทิ้งหมด ถ้ารอบนี้นายพีระพันธุ์ฝ่าด่านอรหันต์เข้าไปนั่งในพรรคพลังประชารัฐได้ก็เรียกว่าไม่ธรรมดา ซึ่งก็ต้องชมพลังภายในของพล.อ.ประยุทธ์เป็นด้านหลัก เพราะยังไงเสียถ้าน้องรักเอ่ยปากรับรองว่าพล.อ.ประวิตรคงไม่ขัดแน่นอน หากเป็นจริงตามข่าวว่าการเข้ามาของนายพีระพันธุ์ในพรรคพลังประชารัฐก็คงสยบข่าวพล.อ.ประยุทธหนีไปตั้งพรรคใหม่อย่างแน่นอน ว่าคงไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด
แม้จะมีข่าวร่ำๆว่า 3 ป.เตรียมตั้งพรรคใหม่หลัง 30 ก.ย. 2564 โดยวางตัวนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยที่จะเกษียณอายุราชการเร็วๆนี้เป็นคนทำพรรคให้ แต่หากส่งนายพีระพันธุ์ไปคลุกวงในแบบนี้เรื่องตั้งพรรคใหม่ของตัวเองคงปิดประตูตายไป เพราะแสดงว่าพล.อ.ประยุทธ์กะปักหลักยาวกับพรรคพลังประชารัฐ แม้มีแต่ส.ส.เขี้ยวรากดินแต่ก็ต้องแบกหามกันต่อไป เที่ยวนี้ส่งสายตรงเข้าพรรคคงหวังได้ข้อมูลทุกอย่างรู้ทุกเรื่องอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องฟังจากปากคนอื่นอีกหลายต่อใก้เสียอารมณ์ เพราะความเขี้ยวบวกมันสมองของนายพีระพันธุ์นั้นเรียกว่าไม่เป็นสองรองใคร อดีตเคยเป็นขุนพลตรวจสอบโครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆของกองทัพ เป็นมือปราบค่าโง่ทางด่วนวงเงิน 6,200 ล้านบาท ที่ทำให้ไทยไม่ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นเงินมหาศาลมาแล้ว ต้องจับตาดูบทบาทของนายพีระพันธุ์ในพรรคพลังประชารัฐหลังจากนี้จะเข้าไปแก้ปัญหานายกฯขาลอยผู้นำเข้าถึงยากนายกฯไร้ข้อมูลให้กับพล.อ.ประยุทธ์ได้อย่างไร และจะทำให้นายกฯบริหารจัดการพรรคพลังประชารัฐควบคุมบรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด ดูแลสารพัดก๊กหลายก๊วนให้สามัคคีกลมเกลียวกันได้อย่างไร เพื่อให้พรรคพลังประชารัฐกับรัฐบาลเรือแป๊ะจับมือเดินกันไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
/////////////////////