“สรส.-สสรท.” เปิด 9 ข้อ ทวงรัฐสัญญาเร่งแก้ปัญหาปากท้องแรงงาน-ปชช.

"สรส.-สสรท." เปิด 9 ข้อ ทวงรัฐสัญญาเร่งแก้ปัญหาปากท้องแรงงาน-ปชช.

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 67 สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ รัฐบาล เรื่อง คำมั่นสัญญาที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องของผู้ใช้แรงงานและประชาชน ถึงเวลา…ต้องทำทันที โดยมีเนื้อหาดังนี้

สืบเนื่องจากการบริหารประเทศของรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอื่นนับตั้งแต่การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 พฤษภาคม 2566 แม้ว่านายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้จะพ้นจากตำแหน่งไปด้วยเงื่อนการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาก็มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่จากพรรคเพื่อไทยเช่นกัน คือ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งหากพิจารณา ดูจากการชูนโยบายในการหาเสียงก็จะเน้นไปที่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและผู้ใช้แรงงาน เช่น เรื่อง ค่าจ้าง 600 บาทต่อวัน จะลดค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซ ค่าน้ำมัน ทันทีที่ได้เป็นรัฐบาล แต่จนถึงบัดนี้เวลาล่วงเลยมานานก็ยังไม่เห็นรูปธรรมความชัดเจนต่อคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน รวมทั้งการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่แถลงไปหลายเรื่องยังไม่มีรูปธรรมที่ชัดเจนเช่นกัน

ในภาคการเมืองล้วนเต็มไปด้วยการแย่งชิงอำนาจ เปลี่ยนข้างสลับขั้ว เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยปราศจากเรื่องราวที่จะแก้ไขปัญหาของประเทศ แก้ปัญหาความทุกข์ยากของประชาชน ในขณะที่การทุจริตก็ขยายเป็นวงกว้างในหมู่นักการเมืองและเครือข่ายทั้งระดับประเทศ และ ท้องถิ่นรวมทั้งข้าราชการระดับสูง ยิ่งกว่าในยุคใด ๆ กระทำกันอย่างโจ่งแจ้งไม่เกรงกลัวต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม บางกรณีแม้แต่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ยังสามารถใช้อิทธิพล อำนาจ เพื่อให้ตนเองพ้นผิด หรือกอบโกยผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้องอย่างน่าสังเวชใจ อีกทั้งประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง ต้องสูญเสียเงิน เสียชีวิต โดยปราศจากมาตรการในการป้องกันที่ดีพอ ความรับผิด ความเดือดร้อนจึงตกอยู่กับประชาชน

ในส่วนของผู้ใช้แรงงานซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคมมีจำนวนสูงถึง 41 ล้านคน จากประชากรของประเทศ 67 ล้านคน ซึ่งมีทั้งแรงงานในระบบ นอกระบบ ในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ ภาคราชการและรัฐวิสาหกิจ และยังมีแรงงานข้ามชาติกว่า 4 ล้านคน คนเหล่านี้อยู่ในสภาวะความยากจน แทบไร้หลักประกันในการดำเนินชีวิต ทั้งความมั่นคง ความปลอดภัยในการทำงาน ไม่มีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ จำนวนไม่น้อยที่ต้องตกงาน ว่างงาน ไร้อาชีพ ก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย แม้ว่ารัฐบาลจะค้นหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาแต่ก็เป็นไปแบบชั่วคราว ไร้ทิศ ผิดทาง เช่น การแจกเงินแก่ประชาชน การดึงนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาแลกกับสิทธิพิเศษมากมาย เช่น การยกเว้นภาษี ให้เช่าที่ดินได้ ๙๙ ปี ในขณะที่คนไทยจำนวนมากยังไร้ที่ดินทำกิน โดยหวังที่จะทำให้เกิดการจ้างงานแต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปรากฏการณ์การเลิกจ้าง ปิดกิจการของสถานประกอบการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในสถานประกอบการเกือบทั้งหมดที่ยังเปิดกิจการอยู่ รวมทั้งการจ้างงานภาครัฐทั้งราชการและรัฐวิสาหกิจก็เลือกที่จะจ้างคนงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว ระยะสั้น ค่าจ้างที่ต่ำ ต้องทำงานหนัก ทำให้คนงานแทบไม่มีหลักประกันใด ๆ ที่ทำให้ชีวิตของตนเองและครอบครัวมีความมั่นคง

ในขณะที่หน่วยงานของรัฐ คือ รัฐวิสาหกิจ ที่พอจะเป็นเครื่องมือในการช่วยให้ผู้ใช้แรงงานและ ประชาชนเข้าถึงบริการที่ดี ราคาที่เป็นธรรม มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีหลักประกันก็ถูกแปรรูปยกกิจการให้สัมปทานแก่กลุ่มทุนเอกชน ครอบคลุมทั้งกิจการพลังงาน เช่น น้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า การคมนาคม ขนส่ง การสื่อสาร โทรคมนาคม เป็นต้น และเมื่อยกกิจการให้เอกชนไปแล้วตามสัญญารัฐบาลก็ไม่สามารถควบคุมราคาได้ ทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในราคาที่แพง

สถานการณ์ที่กล่าวมา มิได้กล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยมีหลักฐานในเชิงประจักษ์มากมายที่ปรากฏในสื่อสาธารณะทั่วไปและสื่อออนไลน์ สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างทางการเมือง และเศรษฐกิจ อันเป็นต้นเหตุหลักของปัญหาทางสังคม การทุจริต ความยากจน ความเหลื่อมล้ำเกิดความสูญเสียโอกาสและความสามารถของประเทศ การแก้ปัญหาแบบชั่วคราวตัดแปะจึงไม่สามารถแก้ปัญหาของประเทศชาติและประชาชนได้ ในส่วนของประชาชนส่วนใหญ่ของสังคม คือ ภาคส่วนของผู้ใช้แรงงาน จึงขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการ ดังนี้

 

ข่าวที่น่าสนใจ

1.รัฐบาลต้องสนับสนุนการปรับขึ้นค่าจ้างให้เท่ากันทั้งประเทศ ครอบคลุมคนทำงานในทุกภาคส่วน ต้องทำทันทีโดยไม่มีเงื่อนไขตามที่แถลงไว้ ก่อนที่จะถูกประณามว่า “รัฐบาลตระบัดสัตย์” อย่าให้การปรับขึ้นค่าจ้างเป็นเพียงเกมการเมืองและผลประโยชน์ของคนกลุ่มน้อย การแทรกแซงของรัฐบาลต่อกระบวนการปรับขึ้นค่าจ้างเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ไม่มีบทบัญญัติใดห้าม รัฐบาลต้องกล้าหาญกล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่าให้การปรับขึ้นค่าจ้างขึ้นอยู่กับกำลังการจ่ายของผู้ประกอบการ แต่ต้องพิจารณาว่าค่าจ้างที่ผู้ใช้แรงงานจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะการที่ทำให้ประชาชนผู้ใช้แรงงาน มีรายได้ ก็ทำให้เกิดการซื้อ การขาย เกิดการผลิต เกิดการจ้างงาน รัฐก็สามารถเก็บภาษีมาจัดสรรเป็นงบประมาณพัฒนาประเทศได้เช่นกัน ซึ่งถือเป็นหลักการอันสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน

2.รัฐบาลต้องยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจในทุกรูปแบบ ในทางกลับกันรัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศและการให้บริการแก่ประชาชนให้เข้าถึงบริการที่ดี มีคุณภาพมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพองค์กร เพิ่มและพัฒนาบุคลากรให้พร้อมต่อการให้บริการ หากกิจการใดที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนแบบให้เปล่า ฟรี หรือให้บริการในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุนดำเนินการ เพื่อลดรายจ่ายประชาชน รัฐบาลต้องชดเชยงบประมาณแก่หน่วยงานนั้นอย่างเพียงพอ

การแปรรูปรัฐวิสาหกิจในความหมายของนักเศรษฐศาสตร์โลกอย่าง ดร.โจเซฟ สติกลิสต์ คือ “การทุจริตเชิงนโยบาย” ที่ไม่เกิดผลดี มีแต่จะเกิดผลร้าย สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติและประชาชน เพราะรัฐวิสาหกิจมีภารกิจหลักเพื่อบริการประชาชนไม่ใช่เพื่อหวังผลกำไรจากการเอาเปรียบขูดรีดประชาชน ทรัพย์สินรัฐวิสาหกิจปัจจุบันมีถึง 18 ล้านล้านบาท ในขณะที่ทรัพย์สินของประเทศมีประมาณ 34 ล้านล้านบาท การเข้ามาหาประโยชน์ในรัฐวิสาหกิจหรือดำเนินกิจการแทนรัฐวิสาหกิจมาใช้ทรัพย์สินของรัฐวิสาหกิจจึงเป็นโอกาสอันงดงามที่ดีของพวกกลุ่มทุนธุรกิจที่หวังจะสร้างรายได้ทำกำไรอย่างมหาศาลจากประชาชนที่ใช้บริการทั้งประเทศทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทุกช่วงวัยอายุ เพราะภารกิจของรัฐวิสาหกิจถูกสร้างและวางบทบาทให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ ให้อยู่ดี มีความสุข ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันตาย

3.รัฐบาลต้องประกาศนโยบายการจ้างงานที่มั่นคง ยกเลิกการจ้างงานระยะสั้น ชั่วคราว โดยให้นำร่องเป็นแบบอย่างก่อนในหน่วยงานของรัฐพร้อมทั้งสนับสนุน ส่งเสริมให้เอกชนดำเนินการตามนโยบาย เพราะการจ้างที่มั่นคงจะทำให้คนงานมีความสุข พึงพอใจที่จะพัฒนาทักษะ อาชีพของตนเองและยังสามารถวางแผนสร้างชีวิต สร้างอนาคตที่ดีให้แก่ตนเองและครอบครัว เช่น เรื่อง การศึกษา ที่อยู่อาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ และยังสามารถสร้างฐานทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนให้กับประเทศได้

4.รัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีการปฏิรูปประกันสังคมอย่างจริงจัง เป็นการประกันสังคมแบบถ้วนหน้า คนทำงานทุกคนต้องมีสิทธิเข้าถึงการประกันสังคมและสิทธิประโยชน์เท่าเทียมกันให้ผู้ประกันตนมีส่วนร่วมในทุกระดับของการปฏิรูป ทั้งการปรับโครงสร้างองค์กรที่ต้องเป็นอิสระจากการครอบงำทางการเมือง โดยรัฐบาลอาจทำหน้าที่เฉพาะเพียงกำกับดูแล และกำหนดให้สิทธิประโยชน์จากกองทุนต่าง ๆ นั้น มีลักษณะสมเหตุสมผลสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในห้วงเวลานั้น ๆ โดยเฉพาะเงินชราภาพที่จะทำให้ผู้ประกันตนที่ออกจากงานสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี โดยคำนวณจากครึ่งหนึ่งของรายได้เดือนสุดท้ายมากำหนดในการจ่ายเงินบำเหน็จ หรือบำนาญชราภาพให้แก่ผู้ประกันตน สมาพันธ์สมานฉันท์แรงงานไทย (สสรท.) และ สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ไม่เห็นด้วยที่จะลดการส่งเงินสมทบเข้าสู่กองทุนประกันสังคม เพราะจะทำให้การประกันสังคมไม่มีเสถียรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมอย่างต่อเนื่อง อย่าให้มีการค้างจ่าย และสมควรอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในสัดส่วนที่มากกว่าผู้ประกอบการและผู้ประกันตน รวมทั้งการสร้างหลักประกันให้แก่ผู้ประกันตน สร้างแรงจูงใจในการพัฒนาระบบประกันสังคมของประเทศให้ยั่งยืนด้วยการสร้างโรงพยาบาล สถานพยาบาลที่สามารถตรวจ วินิจฉัยโรคจากการทำงาน เกี่ยวเนื่องจากการทำงานของประกันสังคมเอง ผลิตบุคลากรขึ้นมาเองเหมือนกับหลายหน่วยงาน

5.รัฐบาลต้องสนับสนุนส่งเสริมให้มีกฎหมายแรงงานที่ทำให้คนทำงานอาชีพ ทุกภาคส่วนสามารถรวมตัวจัดตั้งองค์กรแรงงานของคนงานได้ เพื่อปกป้องคุ้มครองสิทธิของคนงาน และเพื่อสร้างอำนาจการต่อรองในการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม สร้างความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพในการผลิต เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน และเพื่อเป็นหลักประกันให้นานาประเทศเห็นถึงความมุ่งมั่นความตั้งใจของรัฐบาลต่อการปกป้อง คุ้มครองคนทำงาน รัฐบาลต้องรับรองอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 87 และ 98 รวมทั้งฉบับอื่น ๆ ที่เป็นหลักประกันแก่คนทำงานกฎหมายแรงงานบางฉบับที่มีอยู่แล้วไม่ดีต้องปรับปรุง ที่ดีมีประโยชน์ต่อคนงานอยู่แล้วรัฐบาลต้องให้มีการบังคับใช้อย่างจริงจัง

 

6.รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้คนทำงานมีความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมจากการทำงานทั้งการป้องกันอุบัติเหตุจากการทำงาน โรคจากการทำงาน และการตรวจนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน สถานประกอบการ ให้เครื่องมือ อุปกรณ์อยู่ในสภาพที่ดี มีมาตรฐาน มีความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ วางมาตรการเข้มข้นกับสถานประกอบการที่ใช้สารเคมี การกำจัดสารเคมีที่จะไม่ส่งผลร้ายกระทบต่อคนงาน ประชาชนและชุมชน ต้องมีมาตรการลงโทษที่เข้มข้นเด็ดขาดต่อผู้ที่สร้างผลกระทบ และต้องมีมาตรการเยียวยา ดูแล รักษา ฟื้นฟู ต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้น ๆ ในส่วนของความปลอดภัยของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง มลภาวะอากาศเป็นพิษ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาระยะยาวรัฐบาลต้องสนับสนุน “ร่าง พ.ร.บ.กำกับดูแลการจัดการอากาศสะอาดเพื่อสุขภาพแบบบูรณาการ พ.ศ. …. (ฉบับประชาชนเข้าชื่อ 22,251 รายชื่อ)”

7.รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเพิ่มประชากรด้วยการมีบุตรเพราะโครงสร้างประชากรของประเทศปัจจุบันอัตราการเกิดต่ำกว่าอัตราการเสียชีวิต ทำให้เกิดการขาดแคลนแรงงานและบุคลากรของประเทศจนต้องพึ่งพาแรงงานต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในอนาคต โดยรัฐบาลต้องประกาศสนับสนุนเงินดูแลบุตรถ้วนหน้า คนละ 3,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 12 ปี และให้สตรีมีครรภ์สามารถลาคลอดขั้นต่ำได้ 180 วัน โดยได้รับค่าจ้างเต็มจำนวนตลอดระยะเวลาที่ลาและต้องสงวนงานที่เคยทำไว้ให้แก่บุคคลที่ลาคลอดบุตร และให้สามีสามารถลาเพื่อช่วยเลี้ยงดูบุตรไม่น้อยกว่า 30 วัน

8.รัฐบาลต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในการนำแรงงานข้ามชาติเข้ามาทำงานในประเทศซึ่งสาเหตุมาจากการขาดแคลนแรงงานภายในประเทศ โดยรัฐบาลต้องสำรวจความต้องการของการใช้แรงงานในภาคการผลิตต่าง ๆ ให้ชัดเจน เช่น ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ ภาคประมง-ประมงต่อเนื่อง ว่ามีความต้องการเท่าไหร่ก็รับมาจำนวนเท่าที่มีความจำเป็นและความต้องการ โดยรัฐบาลต้องเป็นผู้ดำเนินการทำข้อตกลงเองโดยประสานกับรัฐบาลประเทศต้นทางของแรงงานข้ามชาตินั้น ๆ การกำหนดค่าใช้จ่ายในอัตราที่ไม่เป็นภาระต่อแรงงานมากจนเกินความจำเป็น เพราะแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาก็มีส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจของประเทศ และรัฐบาลต้องยกเลิกการใช้นายหน้าเพราะการใช้บริการนายหน้าส่วนมากจะสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศและแรงงานข้ามชาติที่เข้ามาด้วยค่าใช้จ่ายที่สูง และยิ่งไม่มีการสำรวจความต้องการที่ชัดเจน ยิ่งนำเข้ามากเท่าไหร่ก็จะเกิดการค้าหาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติซึ่งอาจสุ่มเสียงกับสถานะความเชื่อมั่นของประเทศในทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ และควรกำหนดหลักเกณฑ์ หลักปฏิบัติที่ชัดเจน ไม่ใช่เกิดปัญหาทีก็แก้ด้วยการออกเป็นมติคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งคราว ก็ยิ่งทำให้เกิดปัญหาและเกิดขบวนการหาประโยชน์จากแรงงานข้ามชาติ

9.รัฐบาลต้องมีมาตรการในการควบคุมราคาสินค้าที่เกี่ยวข้อง จำเป็นในการดำเนินชีวิตอย่างจริงจัง ไม่ให้มีราคาแพง ไม่ให้มีการผูกขาดทางการค้า ยกเลิกสัญญาการให้บริการสาธารณะ เช่น ไฟฟ้า ประปา น้ำมัน ก๊าซ การขนส่ง การสื่อสาร โทรคมนาคม ที่รัฐบาลทำไว้กับเอกชน โดยนำกลับมาให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอง และกำหนดราคาที่เป็นธรรมกับประชาชน เพื่อเป็นการลดรายจ่ายของประชาชน เฉพาะหน้านโยบายพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลประกาศไว้ เช่น รายได้ต่อครอบครัวไม่น้อยกว่า 20,000 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท รถไฟฟ้าในกรุงเทพและปริมณฑล 20 บาท ตลอดสาย ลดราคาน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้า เพื่อลดรายจ่ายประชาชน และการปรับขึ้นค่าจ้าง 600 บาทเท่ากันทั้งประเทศ “ให้ประชาชนอยู่ดี กินดี มีศักดิ์ศรี” รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร “ต้องทำทันที” อย่างไม่มีเงื่อนไข

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

กลุ่มบริษัทรับเหมาช่วงโครงการพลังงานสะอาด (CFP) จ.ชลบุรี นำแรงงานกว่าพันคนรวมตัวหน้าสถานฑูตเกาหลี วอนจี้ผู้รับเหมา จ่ายเงินค้างค่าแรงกว่า 6,000ล้านบาท
“อดีต สส.มานิตย์” ดึง  “อดีตนายกเล็กเมืองชล” เข้าซุ้มบ้านใหญ่ “เรารักชลบุรี” หนุน “นายกเอก ฉัตรชัย ชิงเก้าอี้ ” นายกนครบ้านสวน
ไล่ล่า! สองโจรต่างชาติ กระชากสร้อยหนุ่มอินเดีย ขณะขี่รถพาเพื่อนท่องราตรีพัทยา
“ทหารใต้” เฉียบ! เปิดกลศึกสยบชายแดน “ไทย-ไทใหญ่” ร่วมรบบุกตีแตก “ทัพว้า”
2 พระบัณฑิตใหม่แดนใต้ แสดงมุทิตาจิตต่อ ครู อาจารย์ ณ จิตตภาวันวิทยาลัยสงฆ์
วงจรปิดจับภาพสองผัวเมียคราบโจรบุกร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางขโมยถังแก๊ส 3 ถังแถมใช้ไม้ปัดกล้องวงจรปิดหนีแม่ค้าเผยเศรษฐกิจไม่ดีถึงขนาดโจรขโมยถังแก๊ส
คปสอ.ท่ามะกา จัดโครงการ "พัฒนาศักยภาพแกนนำสุขภาพและเครือข่ายสู่การดำเนินงานตำบลจัดการคุณภาพชีวิตและชุมชนรอบรู้ด้านสุขภาพอำเภอท่ามะกา"
“สุนทร” เปิดปากเล่านาที “สจ.โต้ง” ถูกยิงดับคาบ้าน
“ทนายดัง” วอนนอนคุก โพสต์แซะ “วันพ่อ” โซเชียลแห่เมนต์ให้ “ค.” พรึ่บ
ไทยดูไว้! “มาเลย์” โคตรโหด-ตร.พรึ่บชายแดน ตะปบ “ต่างด้าว” ยัดคุกไม่เลี้ยง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น