“ในหลวง-พระราชินี” ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

"ในหลวง-พระราชินี" ทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๗.๑๑ น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)

จากสาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานในประเทศไทย เป็นการชั่วคราว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร

โดยมี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี , นายหาญ จื้อเถียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประจำประเทศไทย , นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีประธานคณะกรรมการดำเนินการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี , นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร , คณะกรรมการจัดงาน ฯ และประชาชน เฝ้า ฯ รับเสด็จ

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อเสด็จเข้าพลับพลาพิธีทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระรัตนตรัยทรงกราบ ทรงศีล แล้วพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าเฝ้า ฯ ทูลเกล้า ฯ ถวายสูจิบัตรแด่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคมทูลรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ฯ

จากนั้นทรงจุดไฟจากโคมไฟฟ้า แล้วพระราชทานเจ้าพนักงานพระราชพิธีเชิญไปตั้งที่มณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) แล้วเสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังมณฑปที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว)

ณ หน้าห้องกระจก ชั้น ๓ ทรงวางพุ่มดอกไม้ แล้วเสด็จลงจากห้องกระจก ชั้น ๓ มายังมณฑป ชั้น ๒ ทรงวางพวงมาลัยทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยสักการะพระบรมทรงกราบ

ต่อจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จลงจากมณฑบที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เสด็จเข้าพลับพลาพิธี ทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมถวายพระสงฆ์

ทรงหลั่งทักษิโณทก(พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก) เสด็จ ฯ ไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ เสด็จออกจากพลับพลาพิธี ไปยังรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพุทธมามกะ ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก ทรงทำนุบำรุงศาสนาทั้งปวง โดยทรงเกื้อกูลค้ำจุนพระพุทธศาสนาภายใต้พระบรมโพธิสมภาร

 

 

และเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเกี่ยวกับการอุปถัมภ์กิจการของศาสนา ด้วยพระราชหฤทัยอันเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความสำคัญของศาสนา

ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจด้านศาสนานานัปการ ด้วยความเลื่อมใสและพระราชศรัทธาในพระพุทธศาสนา กับทรงมีพระราชปณิธานที่จะทรงสืบสาน รักษา และต่อยอด พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองและธำรงไว้อย่างมั่นคงถาวรสืบไป

“พระเขี้ยวแก้ว” หรือ “พระธาตุเขี้ยวแก้ว” หรือ “พระทาฐธาตุ” คือ พระทันตธาตุส่วนที่เป็น “เขี้ยว” ของพระพุทธเจ้า จัดเป็นพระบรมสารีริกธาตุที่ไม่แยกกระจัดกระจาย องค์มีลักษณะแข็งแกร่งรวมกันแน่น

ซึ่งตามตำนานพระเขี้ยวแก้ว จากพระไตรปิฎกภาษาบาลี ได้กล่าวถึงมหาปุริสลักขณะ ๓๒ ประการ มีข้อความตอนหนึ่งกล่าวถึง ลักษณะของพระทาฐะหรือเขี้ยวของบุคคลผู้มีลักษณะแห่งมหาบุรุษว่า “เขี้ยวพระทนต์ทั้งสี่งามบริสุทธิ์”

ปัจจุบันมีพระเขี้ยวแก้วเพียง ๒ องค์ บนโลกมนุษย์เท่านั้น คือ “พระเขี้ยวแก้วเบื้องต่ำขวา” ประเทศศรีลังกา และ “พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย” ประเทศจีน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลจีนได้เคยอนุญาตให้อัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้ายไปประดิษฐานยังประเทศต่าง ๆ รวม ๖ ครั้ง

 

 

 

โดยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๕ พระเขี้ยวแก้วองค์นี้เคยถูกอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวครั้งแรกในประเทศไทย ที่ พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม

เนื่องในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๕ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕

ทั้งนี้ เนื่องเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ และเพื่อเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปี ๒๕๖๘

รัฐบาลจึงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ พระเขี้ยวแก้ว จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งองค์พระเขี้ยวแก้วมีความยาวประมาณ ๑ นิ้ว ประดิษฐานในพระสถูปทองคำประดับอัญมณีล้ำค่าตามลักษณะศิลปกรรมแบบจีน

มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราวอันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างประเทศไทยและประเทศจีนในด้านต่าง ๆส่งเสริมคำว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน”

ซึ่งจะเปิดให้ประชาชนได้เข้าสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล ณท้องสนามหลวง ตั้งแต่วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๖๗ – ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๐๗.๐๐ – ๒๐.๐๐ น.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผบ.ทร. พร้อมคณะเยือนสาธารณรัฐสิงคโปร์ กระชับสัมพันธ์ 2 ประเทศ
"กลุ่มผู้นำกองกำลังฯ" ประชุมด่วน "นักธุรกิจจีน" แก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ-ค้ามนุษย์
"นายกฯ" ขู่ลงดาบเกษตรกรดื้อเผาพืชไร่ ต้นเหตุ PM 2.5 จ่อลดเงินช่วยเหลือ หวังลดฝุ่นพิษ
บุกจับ "13 ต่างด้าว" ชาวเมียนมา หลบหนีเข้าเมือง ก่อนหลบหนีขึ้นรถไฟไปกรุงเทพฯ
"ชัชชาติ" แจงจ่ายหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้า BTS ก้อนแรก 1.4 หมื่นแล้ว พร้อมตั้งที่ปรึกษา หาข้อสรุปอนาคต หลังสิ้นสัมปทาน ปี 72
ประธานาธิบดียุนของเกาหลีใต้ปิดปากเงียบระหว่างสอบปากคำ
บุกรวบพ่อหื่น ขืนใจลูกสาววัย 14 ปี ก่อนหลบหนีความผิด สุดท้ายไม่รอด
เตือนภัย! อุทาหรณ์สายซอยจุ๊ ระวังพยาธิตืดวัวทะลุออกมาจากลำคอ
“จิราพร” เผยผลประชุม พรุ่งนี้ 2 บริษัทมือถือ ให้คำตอบถอนแอปฯเงินกู้นอกระบบ ลั่นไม่นิ่งนอนใจ เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
เหมืองหยกถล่มในเมียนมา กู้ร่างผู้เสียชีวิต 12 รายแล้ว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น