วันที่28 ก.ย. 2564 นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงแนวโน้มสถานการณ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงขาลง เชื่อว่าอัตราการป่วยติดเชื้อจะลดลงเรื่อยๆ ทั้งนี้เป็นเพราะสัดส่วนการรับวัคซีนได้ใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา มีการเร่งฉีดวัคซีนได้เพิ่มมากถึง 1 ล้านคน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหิดล เชื่อว่าต่อไปจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อจะค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ อาจเหลือถึง 5,000 คนต่อวัน ในราวเดือนตุลาคมนี้ แต่ทั้งนี้ยังประมาทไม่ได้ เพราะการเหวี่ยงของกราฟการติดเชื้อทางคณิตศาสตร์ มีโอกาสที่จะกลับมาสูงขึ้นได้ทุกเมื่อ โดยตอนนี้ที่ตัวเลขผู้ป่วยลดลง เพราะเป็นผลมาจากการล็อกดาวน์ครั้งก่อน และการฉีดวัคซีนของไทย เกิน 50% ในส่วนของเข็ม 1 ส่วน เข็ม 2 ประมาณ 25% หากทำได้เป็นเข็ม 1 ฉีดไป 60% และเข็ม2 ฉีดไป 50% ตัวเลขจะยิ่งลดลง และมีสัดส่วนการฉีดวัคซีนเท่าอารยะประเทศอื่น
นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวว่า การติดเชื้อที่พบในวันนี้ คือการป่วย หรือสัมผัสเชื้อเมื่อ 14 วันที่ผ่านมา หากไม่มีคลัสเตอร์ใหม่ และทุกคนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองแบบครอบจักรวาล หรือการตรวจหาเชื้อด้วย ATK อัตราการป่วยยิ่งลดลง การลดจำนวนผู้ป่วยต้องชกให้ตรงเป้า ที่ผ่านมาทำไมถึงเพิ่งมาลดได้ ก็เพราะคนป่วยแต่เดิมส่วนใหญ่คือคนที่ไม่ได้รับวัคซีน ตอนนี้มีวัคซีนมากขึ้น สัดส่วนการฉีดวัคซีนก็เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราการป่วยลดลง หรือไม่รุนแรงมาก ถ้าไม่มีเชื้อกลายพันธุ์ ก็สามารถควบคุมโรคได้ระดับหนึ่ง แต่ยังประมาทไม่ได้ คาดว่าวัคซีนที่เข้ามาเพิ่ม จนถึงสิ้นปีจะมีถึง 178 ล้านโดส จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้รับวัคซีนได้ตามเป้า เข็ม 1 จำนวน 85% และเข็ม 2 จำนวน 75% อย่างไรก็ตาม คาดว่าสถานการณ์โควิด จะค่อยๆ สงบลงในเดือน มีนาคม 2565 และยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยอย่างนี้อีก 1 ปี