หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ 2 ราย พบหนึ่งในนั้นเป็นกองกำลังกะเหรี่ยง KNU มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติด เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ โฆษก ตร. ยังกล่าวด้วยว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยหลังทราบเรื่อง ผบ.ตร.ได้สั่งการตำรวจฝ่ายสืบสวนในพื้นที่ และ ภาค 6 สนธิกำลังกับหน่วยงานทหาร กระทั่งติดตามตัวผู้ก่อต้องสงสัยไว้ได้ ทั้งนี้ต้องติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อขยายผลดำเนินการในทุกมิติด้วย

ทั้งนี้ ผบ.ตร.ได้สั่งการให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ก่อนการจัดงาน ได้มีการประชุมหรือวางแผนในการดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างไร หากพบว่าเป็นงานประจำปีที่จัดขึ้นทุกปี และไม่มีการกำหนดแผน หรือมาตรการใดๆ รองรับให้พิจารณาข้อบกพร่องทางวินัย และการปกครองทันที รวมทั้งสั่งเพิ่มความเข้มข้นทุกพื้นที่ ที่มีการจัดงาน ทั้งด้านการหาข่าว และการปฏิบัติ และการระมัดระวังกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นคู่อริ ต้องไม่ให้เกิดเหตุใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน

จากการสอบสวนผู้ต้องสงสัยทั้ง 2 ราย คือ นายดิดิ อายุ 16 ปี ชาวเมียนมา เชื้อสายกะเหรี่ยง รับสารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยทำหน้าที่เป็นคนขว้างระเบิด และนายจอริทู อายุ 17 ปี ชาวไทย เชื้อสายกะเหรี่ยง รับสารภาพว่า เป็นเพื่อนกับนายดิดิ และเดินทางมาในที่เกิดเหตุด้วยกัน สาเหตุแรงจูงใจในการก่อเหตุ จากคำรับสารภาพของนายดิดิ ยอมรับว่า มีความโกรธแค้น ที่เคยถูกวัยรุ่นไทยทำร้ายเมื่อปีก่อน

หลังข่าวนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า การที่ผู้ก่อเหตุเป็นกะเหรี่ยงในกลุ่ม KNU มาแก้แค้นวัยรุ่นไทย อาจทำให้เรื่องบานปลาย และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงหรือไม่นั้น สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า นายพะโด ซอตอนี โฆษกสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNU ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า ทาง KNU เพิ่งทราบข่าว และดำเนินการส่งข้อมูล เพื่อตรวจสอบคนของ KNU ซึ่งต้องใช้เวลา

ต่อมา สำนักงานใหญ่ KNU ได้ออกแถลงการณ์ มีสาระสำคัญคือ 1. ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น ต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต 2. การก่ออาชญากรรมนี้ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ 3. เราอยากบอกว่า ยินดีให้ข้อมูลแก่ทางการไทย 4. สิ่งสำคัญคือ ที่มีข่าวเผยแพร่ออกมาว่า ผู้กระทำผิด มีความเกี่ยวข้องกับ KNU ซึ่งคณะกรรมการกลาง KNU ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับ KNU ข่าวที่เผยแพร่นั้น ผู้กระทำผิดยังเป็นเยาวชน อายุ 16 และ 17 ปี ซึ่งในธรรมนูญของ KNU ใช้หลักการมาตรฐานสากล คือไม่มีเจ้าหน้าที่ทหาร ที่อายุต่ำกว่า 18 ปีในกองทัพของเราอย่างเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับเยาวชนชาวกะเหรี่ยง จะแยกได้อย่างไร ว่าใครมีสังกัดอะไร โฆษก KNU กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับองค์กรเราอย่างแน่นอน เพราะเราเป็นกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นสถาบันทางการทหาร เป็นกองทัพ ผู้ก่อเหตุ ไม่ได้เป็นสมาชิกของเรา เขาเป็นแค่ผู้ที่มีเชื้อสายกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่อยู่ทั่วไปในพื้นที่นี้ ทั้งฝั่งไทยและพม่า หลายครั้ง เด็กหนุ่มๆ ไม่รู้มาตรฐานสากล ว่าจะสามารถเข้ากองทัพ มาเป็นทหารได้อายุเท่าไหร่ บางทีก็ชวนกันใส่เครื่องแบบเล่นๆ สำหรับกรณีนี้เราตรวจสอบแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับ KNU อย่างแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า อาวุธสงครามที่ใช้ในการก่อเหตุ ไม่ใช่อาวุธที่ซื้อได้ทั่วไป มีที่มาอย่างไร โฆษก KNU กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่สามารถตอบได้ เพราะได้เช็คข้อมูลแล้ว ในกองทัพ KNU ไม่มีใครทราบว่า อาวุธนี้ได้มาจากไหน

ส่วนกรณีนี้ จะเกี่ยวข้องกับการสู้รบที่ชายแดนหรือไม่ โฆษก KNU กล่าวว่า ยากมากที่จะบอกจะบอกว่าใครทำ หรือทำเพราะอะไร เราเช็คแล้วก็ไม่ทราบ สำหรับ KNU ชัดเจนว่าไม่เกี่ยวข้องกับเราอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า กองกำลังกะเหรี่ยง KTLA หรือ กองทัพกอทูเล และ KNU มีความแตกต่างกันอย่างไร โฆษก KNU กล่าวว่า KTLA เป็นกลุ่มกองกำลังที่แยกออกไปเมื่อปี 2022 จากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่กองพล 6 ตรงข้าม จ.จาก ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ KNLA ของ KNU แต่อย่างใด

ทั้งนี้ตลอดทั้งวัน ข่าวการปาระเบิดในงานกาชาด อ.อุ้มผาง จ.ตาก ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และสื่อมวลชนไทยได้นำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง โดยบางส่วนระบุว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นสมาชิกของ KNU ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า เยาวชนที่ก่อเหตุ เป็นสมาชิกของ KTLA ซึ่งเป็นกองกำลังกะเหรี่ยง ที่แยกตัวออกจาก KNU ภายใต้การนำของ เนอดา เมียะ บุตรชายของนายพลโบเมียะ อดีตผู้นำ KNU ซึ่งแยกตัวออกไปตั้งกองกำลังกะเหรี่ยงของตัวเอง ภายหลังจากถูกปลดออกจาก ผู้บัญชาการกองกำลังองค์กรป้องกันแห่งชาติกะเหรี่ยง หรือ KNDO ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของ KNU เนื่องจากเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ทหารพม่า