จับตา! “ปูติน” ส่งทหารรัสเซียเข้าสังเกตการณ์เลือกตั้งพม่าปีหน้า ด้าน “ฝ่ายต่อต้าน” ผวาหนัก เชื่อเข้ามาเสริมเขี้ยวเล็บให้กองทัพ “มิน อ่องหล่าย”
ข่าวที่น่าสนใจ
สถานการณ์การสู้รบในพม่ายังคงดุเดือดในหลายพื้นที่ สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง สูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ไม่เพียงแต่กำลังพล แต่พลเรือนก็บาดเจ็บล้มตายไปไม่น้อย ล่าสุด สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า ขณะนี้ทางตัวแทนของกองทัพพม่า และคณะผู้นำระดับสูงของกองทัพโกก้าง หรือ MNDAA และตัวแทนของจีน ได้เริ่มหารือกันแล้ว ที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด เกี่ยวกับการหารือในครั้งนี้ ภายหลังกองทัพโกก้าง และกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อื่นๆ ที่รุกคืบ สามารถยึดหลายเมืองในรัฐฉาน กำลังถูกทางการจีนกดดันอย่างหนัก ให้สงบศึกกับกองทัพพม่า
แหล่งข่าวที่มีความใกล้ชิดกับกองทัพพม่า กล่าวว่า ‘เผิงต้าซุน’ ผู้นำของกองทัพโกก้าง ก็เดินทางมาถึงจีน เพื่อเข้าร่วมเจรจาแล้ว โดยการเจรจาสันติภาพครั้งนี้ จะนำไปสู่การหารือสันติภาพกับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์อื่นๆ อย่างกองทัพปะหล่อง หรือ TNLA ด้วย
ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ผู้นำกองทัพโกก้างนั้น ถูกควบคุมตัว เพื่อกดดันให้กองทัพโกก้าง คืนพื้นที่ยึดครองเมืองล่าเสี้ยว เมืองใหญ่อันดับสองทางเหนือ ของรัฐฉาน ให้กับกองทัพพม่า และเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทางกองทัพโกก้าง ประกาศพร้อมเจรจาสันติภาพกับกองทัพพม่า และเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา พล.อ.มิน อ่อง หลาย ผู้นำกองทัพพม่า ได้เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ยกเลิกวิธีการใช้อาวุธ เพื่อเรียกร้องในสิ่งที่ต้องการ แต่ให้หันหน้ามาเจรจา จะเป็นวิธีการที่ดีกว่า โดยผู้นำกองทัพพม่า แนะว่า การใช้อาวุธโจมตีซึ่งกันและกัน ไม่ใช่วิถีทางการเมือง พร้อมยังบอกด้วยว่า การทำตามการลงนามหยุดยิงทั่วประเทศต่างหาก ที่เป็นวิธีการก่อตั้งประเทศ และทำให้ทุกฝ่ายได้สิ่งที่ต้องการ
นอกจากนี้ พล.อ.มิน อ่อง หลาย ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่กองทัพสามพี่น้อง คือกองทัพโกก้าง กองทัพปะหล่อง และกองทัพอาระกัน ทำอยู่ในขณะนี้ เป็นการทำลายเศรษฐกิจของประเทศ ให้เลวร้ายลงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้คนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมาก ถูกบังคับให้ใช้สารเสพติด เพื่อเข้าร่วมในสงคราม
ขณะที่สำนักข่าว ชินดวิน นิวส์ เอเจนซี่ รายงานเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า สภาที่ปรึกษาเอกภาพแห่งชาติ หรือ NUCC ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายประชาธิปไตย และฝ่ายต่อต้านเผด็จการทหารพม่าหลายกลุ่ม ได้ตำหนิรัฐบาลรัสเซีย ถึงแผนการที่จะส่งทหารรัสเซีย มายังประเทศพม่าในปีหน้า โดยอ้างว่า การส่งทหารรัสเซียมายังพม่า เพื่อสนับสนุน และการสังเกตการณ์การเลือกตั้ง ที่จะเกิดขึ้นในพม่า โดยทางกลุ่ม NUCC ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวนี้ เนื่องจากถือเป็นกลยุทธ์ที่รอบคอบในการปราบปรามการประท้วงอย่างสันติ ที่อาจเกิดขึ้น และเป็นสัญญาณของการบุกรุกอธิปไตยของประเทศพม่า อย่างน่าตกใจ
ฝ่ายประชาธิปไตยในพม่ายังมองว่า การเข้ามาของทหารรัสเซีย ยังเป็นภัยคุกคามต่อการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และเสรีภาพในพม่า โดย พล.อ.มิน อ่อง หลาย กำลังหาแนวร่วมสนับสนุนจากรัฐบาลปูตินอย่างจริงจัง หลังจากที่กองทัพพม่ากำลังรับศึกรอบด้าน และสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก โดยสูญเสียพื้นที่ควบคุม 1 ใน 3 ให้กับกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ และกองทัพเพื่อประชาชน หรือ PDF
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิรวดีรายงานว่า ระหว่างการเยี่ยมเจ้าหน้าที่และตัวแทนชุมชน ในเมืองเมะทีลา เขตมัณฑะเลย์ “มิน ออง หล่าย” ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ได้กล่าวให้คำมั่นว่า จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปในพม่าในปีหน้า
ก่อนหน้านี้เขากล่าวว่า การเลือกตั้งจะจัดขึ้น หลังจากการสำรวจสำมะโนประชากรในเดือน ต.ค. ปีนี้เสร็จสิ้น โดยยืนยันว่า จะจัดการเลือกตั้ง เพื่อมอบอำนาจให้กับพรรคที่ชนะ แต่ที่ผ่านมา มิน ออง หล่าย ได้เลื่อนการเลือกตั้งออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยอ้างเรื่องความไม่มั่นคงในพม่า
ขณะที่ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว มิน อ่อง หล่าย ได้รับคำแนะนำให้มีการลงคะแนนเสียง ในดินแดนที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาล แต่เขาปฏิเสธแนวคิดนี้ และกล่าวว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะมีขึ้น หลังจากสันติภาพ และเสถียรภาพกลับคืนสู่สภาพเดิมแล้วเท่านั้น
เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้นำรัฐบาลทหารยอมรับว่า กองกำลังของเขาสูญเสียพื้นที่ในความควบคุม หลังจากเมืองหลายแห่งทางตอนเหนือของรัฐฉาน ถูกยึดไปในปฏิบัติการ 1027 ของกลุ่มภราดรภาพ และเสีย 10 เมืองในรัฐยะไข่ และรัฐชิน ให้กับกองทัพอาระกัน
รัฐบาลเมียนมาได้สูญเสียรัฐยะไข่ไปแล้วครึ่งหนึ่ง และความตึงเครียดก็กลับมาสูงอีกครั้งทางตอนเหนือของรัฐฉาน แม้ว่าจะมีข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว หลังจีนเป็นคนกลางเจรจาก็ตาม ความพ่ายแพ้ของฝ่ายรัฐบาล ที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดคำถามว่า พม่าจะดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรแล้วเสร็จ ภายในเดือน ต.ค. เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง หรือจัดให้มีการเลือกตั้ง ได้จริงหรือไม่ เรื่องนี้ไทย ในฐานะที่เป็นประเทศเพื่อนบ้าน คงต้องจับตาความเปลี่ยนแปลที่จะเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง