ทางกลับกัน เมื่อหันกลับไปมองประเทศเพื่อนบ้านอย่าง “สิงคโปร์” ขณะนี้กำลังเป็นปัญหาโต้เถียงกันอย่างหนักไม่แพ้ประเทศไทย มุ่งประเด็นความขัดแย้งไปที่ คณะแพทย์และประชาชน ไม่พอใจเรื่องของ ยี่ห้อวัคซีน ที่รัฐบาลสิงคโปร์ มอบให้แก่พลเมือง … ทว่าฟังดูแล้วค่อนข้างจะย้อนแย้งกับความต้องการของประชากรในประเทศไทย เพราะที่สิงคโปร์ เค้าเรียกร้องอยากจะได้ “ซิโนแวค” แทน วัคซีน mRNA อย่างไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เบนจามิน อง ประธานคณะผู้เชี่ยวชาญโครงการวัคซีนโควิดสิงคโปร์ ให้สัมภาษณ์กับ CNA เมื่อวันที่ 28 กันยายน ที่ผ่านมา ออกมาแถลงถึงประสิทธิภาพของ วัคซีนชนิด mRNA อย่าง ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา ว่าโอกาสที่จะเกิดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการฉีด “ไฟเซอร์ และ โมเดอร์นา” พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้ประชาชน หยุดเลือกวัคซีน และควร ฉีดวัคซีนที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ คือ “ไฟเซอร์ และ โมเดอร์น่า”
นอกจากนี้ ทางรัฐบาลสิงคโปร์ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน คือการแนบข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนและผลข้างเคียงให้ประชาชนรับทราบเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจเองว่าจะฉีดหรือไม่ … ซึ่งต้องยอมรับว่า รัฐบาลสิงคโปร์ ใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะสร้างความเชื่อมั่น หลังจากกลุ่มแพทย์สิงคโปร์ได้ส่ง จม.เปิดผนึกโพสต์ลงในโซเชียลมีเดีย เรียกร้องให้สิงคโปร์หยุดฉีดวัคซีนชนิด mRNA ให้กับเยาวชนสิงคโปร์
การส่งจดหมายเปิดผนึกครั้งนี้ สืบเนื่องมากจาก ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐหรือ CDC รายงานผล เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กชายวัย 13 ปี หลังฉีดวัคซีนชนิด mRNA โดสที่สอง …รวมไปถึงเรื่องราวเมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา หลังมีกลุ่มแพทย์ 12 คน ของสิงคโปร์ ได้ทำหนังสือเปิดผนึก เรียกร้องให้รัฐบาลสิงคโปร์ ฉีดวัคซีนชนิดเชื้อตาย เช่น วัคซีน “ซิโนแวค” ของจีนให้กับเด็กๆ ในสิงคโปร์ แทน เนื่องจากวิตก ถึงอาการข้างเคียงระยะยาวของวัคซีนชนิด mRNA ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่และยังไม่มีการศึกษามากพอ พร้อมยืนยันว่า วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิภาพต้านทานโควิดกลายพันธุ์ได้ดีกว่าชนิด mRNA
และถึงแม้คณะแพทย์ และพลเมืองสิงคโปร์ จะออกมายืนยันขอให้ฉีดวัคซีนซิโนแวค ให้กับประชาชน แต่ทางรัฐบาลสิงคโปร์ ยังยืนยันจะฉีด “ไฟเซอร์ และ โมเดอร์น่า” พร้อมออกเตือนว่า ขณะนี้ โควิดสายพันธุ์เดลต้า กำลังเป็นภัยคุกคามทั่วโลก หากเยาวชนสิงคโปร์ ไม่ยอมมาฉีดวัคซีน โรงเรียนก็จะเปิดเรียนไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ผลพวงจากเรื่องดังกล่าว ทำให้รัฐบาลสิงคโปร์ ต้องหันมาใช้วัคซีน “ซิโนแวค” เป็นวัคซีนทางเลือก โดยอนุมัติให้คลินิค 24 แห่งนำเข้า ได้โคต้าคลินิกละ 1 พันโดส ทำให้ประชาชนลงทะเบียนอย่างราวเร็ว และหมดภายในวันเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีคลินิกบางแห่ง พยายามที่จะหาทางนำเข้าวัคซีนซิโนแวคกันเองเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน