ปปง.สั่งยึดทรัพย์ ‘ทนายตั้ม’ 71 ล้านบาท จากคดีฉ้อโกงฯ “เจ๊อ้อย”

ปปง. สั่งยึดทรัพย์ “ทนายตั้ม” 71 ล้านบาท เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินฝากธนาคาร จากคดีฉ้อโกงฯ “เจ๊อ้อย” และความผิดฐานฟอกเงิน

ปปง.สั่งยึดทรัพย์ ‘ทนายตั้ม’ 71 ล้านบาท จากคดีฉ้อโกงฯ “เจ๊อ้อย”

 

ข่าวที่น่าสนใจ

16 ธ.ค. 2567 นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. และนายวิทยา นีติธรรม ผอ.กองกฎหมาย ในฐานะโฆษกประจำสำนักงาน ปปง. ได้แถลงผลการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมครั้งที่ 15/2567 คณะกรรมการธุรกรรมได้พิจารณาเห็นชอบให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด สรุปผลการดำเนินการที่น่าสนใจ ดังนี้ มีการยึด และอายัดทรัพย์สิน 12 คดี ทรัพย์สินกว่า 234 รายการ พร้อมดอกผลมูลค่าประมาณ 836 ล้านบาท โดยเป็นทรัพย์สินในคดีสำคัญเกี่ยวกับความผิดมูลฐาน เกี่ยวกับยาเสพติด การฉ้อโกงประชาชน หรือการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์

โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ ได้แก่ คดีนายษิทรา กับพวก ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดฐานฟอกเงิน โดยมีเหตุที่อันควรเชื่อได้ว่ามีการโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด 3 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง และเงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร รวมมูลค่าประมาณ 71 ล้านบาท

นอกจากนี้ สำนักงาน ปปง. ยังได้มีการส่งเรื่องให้พนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน 6 คดี ทรัพย์สินกว่า 119 รายการ มูลค่าประมาณ 287 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินเกี่ยวกับความผิดมูลฐานเกี่ยวกับยาเสพติด และมีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน โดยมีข้อมูลรายคดีสำคัญ ดังนี้

1.รายคดี บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ปจำกัด กับพวก มีมติให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน รวมจำนวน 103 รายการ มูลค่าประมาณ 286 ล้านบาท และมีมติให้เพิกถอนการยึดอายัดทรัพย์สินจำนวน 40 รายการ มูลค่ารวมประมาณ 29 ล้านบาท เนื่องจากผู้มีส่วนได้เสียสามารถแสดงหลักฐานว่าเงินหรือทรัพย์สินที่ถูกดำเนินการไม่ใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด

ทั้งนี้ ในส่วนของการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย สำนักงาน ปปง. ได้ประกาศกำหนดให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ครบกำหนดวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 จากนั้นสำนักงาน ปปง. จะตรวจสอบ และรวบรวมรายชื่อผู้เสียหาย และจำนวนความเสียหาย เพื่อพิจารณาก่อนส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอต่อศาลแพ่งให้มีคำสั่งให้นำทรัพย์สินไปคืน หรือชดใช้คืนให้กับผู้เสียหายตามสัดส่วนความเสียหาย แทนการสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน

อนึ่ง การส่งสำนวนไปยังพนักงานอัยการเพื่อยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดำเนินการกับทรัพย์สินในคดีนี้ หากสำนักงาน ปปง. มีการดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีนี้เพิ่มเติม จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"โฆษก กต." แจง "ชาวเมียนมา" ยังเข้าไทยที่ด่านแม่สาย-ท่าขี้เหล็กเป็นปกติ ชี้ข้อมูลคลาดเคลื่อน
"กองทัพพม่า" พ่ายยับ "ฐานทัพ" โดนยึด - BBC สำรวจ "ชเวโก๊กโก่" แหล่ง "จีนเทา"
"ดีอี" รุกตัดตอน “โจรออนไลน์” ออกมาตรการสกัดกั้น “บัญชีม้า-สัญญาณเน็ต” ชายแดนไทย-เมียนมา
“เต้” ขอโทษทีมบ้านพระอาทิตย์ ลั่นผมทำเต็มที่แล้ว ให้กล้อง 34 ชุด-ไม่มีกั๊ก
"ฝ่ายความมั่นคง" เน้นย้ำ จนท.เฝ้าระวัง-คุมเข้มสกัด "โจรใต้" ลอบก่อเหตุรุนแรง
สุดยื้อ ลูกหาบภูกระดึงหมดสติ นักท่องเที่ยวช่วยปั๊มหัวใจ แต่ไม่รอด
“ทรัมป์” ฮึ่มแรง! ตะเพิดพม่าเถื่อนเตะโด่งพ้นสหรัฐ ใครดื้อด้านเจอเนรเทศ
"ทนายตั้ม-ภรรยา" ให้การปฏิเสธฉ้อโกง "มาดามอ้อย" ยันมีหลักฐานพร้อมสู้คดี
"ตำรวจไซเบอร์" รวบมือขายข้อมูลส่วนบุคคล ให้ "แก๊งโอริโอ้" เจอซุกปืน-ไอซ์
ตร.บุกทลายเครือข่ายพนันออนไลน์ "Tiger 24" พบเงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น