จากกรณี นายชนภัช ปิ่นปินันธ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โปรมีเดีย แอนด์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ในเครือ หจก. มิตรภาพการพิมพ์ 1995 พร้อมด้วยนางสาวกฤติญา ปิ่นปินันธ์ กรรมการบริษัทฯ พร้อมทั้งนายเกริกฤทธิ์โชติธาพิพัฒน์ ทนายความผู้ได้รับมอบอำนาจ ได้หอมเอกสารจำนวนมาก แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนกรณีที่บริษัทฯ ถูกสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.ยกเลิกประกาศประกวดราคาจ้างงานโดยไม่เป็นธรรม
นายชนภัช ปิ่นปินันธ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โปรมีเดีย แอนด์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ในเครือหจก. มิตรภาพการพิมพ์ 1995 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21สิงหาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคนาคมแห่งชาติ ได้มีประกาศ เรื่อง ประกวดราคาจ้างออกแบบ และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ (ชุดปีใหม่ 2567) ด้วยวิธีการประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) ราคากลางของงานจ้าง ในการประกวดราคาครั้งนี้ เป็นเงินทั้งสิ้น 19,999,191 บาท และต่อมา บริษัท โปรมีเดีย แอนด์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ได้ชนะการเสนอราคา และเป็นผู้ได้คะแนนรวมสูงสุด โดยได้เสนอราคาเป็นเงินทั้งสิ้น 12,947,000 บาท แต่ต่อมา หนึ่งในบริษัทผู้เข้าประกวดราคาร่วม ได้ทำการอุทธรณ์ผลการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาต่อสำนักงาน กสทช. ซึ่งระหว่างนั้นตนได้ติดตามทวงถามการวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตลอดมา นอกจากนี้ตนยังได้ประสานไปยังเจ้าของบริษัทที่ยื่นอุทธรณ์เพื่อสอบถามถามสาเหตุของการอุทธรณ์ดังกล่าว พร้อมกับได้อัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐาน โดยทาง บริษัท ศ ได้ต่อรองไม่ให้บริษัทของตนรับงานดังกล่าว จากนั้นเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ และข้อร้องเรียนได้พิจารณาคำอุทธรณ์ของผู้อุทธรณ์ และมีความเห็นว่า ให้สำนักงาน กสทช. สามารถดำเนินการจัดชื่อจัดจ้างในขั้นตอนต่อไป แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2567 สำนักงาน กสทช. ได้แจ้งยกเลิกประกาศประกวดราคาจ้างงานดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า การประกวดราคาจ้างในครั้งนี้ เป็นโครงการที่ตั้งบประมาณไว้ในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมีวัตถุประสงค์จะดำเนินการในปีงบประมาณดังกล่าว แต่เมื่อไม่สามารถลงนามสัญญาจ้างได้ทันเวลา จึงทำให้เงินงบประมาณ และโครงการนี้เป็นอันพับไป ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นทำให้ บริษัท โปรมีเดีย แอนด์ แอดเวอร์โทซิ่ง จำกัด ต้องเสียสิทธิ์ในฐานะผู้ชนะการประกวดราคา และการประกาศยกเลิกดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยหนึ่งในบริษัทที่เข้าร่วมประกวดราคาได้เจรจาต่อรองให้บริษัทของตนยกเลิกสัญญาเอง และต่อรองให้บริษัทตนยอมรับเงินจำนวนหลักล้านเพื่อให้ยกเลิกสัญญา โดยอ้างว่าผู้ใหญ่ข้างใน กสทช.ไม่ยินยอมให้บริษัทของตนเข้าทำสัญญาอย่างแน่นอน ซึ่งตนได้บันทึกเสียงการสนทนาไว้อย่างชัดเจน และได้นำข้อมูลหลักฐานทั้งหมดฟ้องร้องต่อศาลปกครอง โดยเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 43 ล้านบาท และยังได้ทำหนักงสื่อร้องเรียนเรื่องดังกล่าวไปยัง ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการร่วมกันทุจริตในการประกวดราคาจ้างในโครงการดังกล่าวด้วย