จ.ตราด /นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจ.ตราด เปิดเผยถึงผลสำเร็จหลังได้รับเชิญจากนาย ฮวด ฮะ รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวของกัมพูชามและนายเมา ทะนิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกัมปอตให้เดินทางมาร่วมงาน Sea Festival 2024 ที่จังหวัดกัมปอต ระหว่างวันที่ 13-15 ธันวาคม 2567 ประเทศกัมพูชาซึ่งมี 4 จังหวัด (เกาะกง,สีหนุวิลล์ แกป และกัมปอต) ร่วมและกิจกรรมจับคู่ธุรกิจท่องเที่ยว ที่สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน)
หรือทีเส็บ:TCEB ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปชิฟิค (PATA) ที่นำเอเจนซี่ท่องเที่ยวในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีผู้ประกอบการของไทย 60 บริษัท และผู้ประกอบการกัมพูชา 50 บริษัทร่วม ซี่งผลการดำเนินการตอบโจทย์ของจังหวัดตราดในการเปิดจังหวัดตราดให้เป็นประตูเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวผ่านจัดผ่านแดนถาวรบ้านหาดเล็กได้สำเร็จ ตามเส้นทางสาย R-19 ที่ทางจังหวัดตราดพยายามผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อน ซึ่งยอมรับว่า ซึ่งจ.ตราดเป็นจังหวัดชายแดน และเป็นจังหวัดภาคตะวันออกจังหวัดสุดท้าย แม้ที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูง โดยในปี 2567 คาดว่าจังหวัดตราดจะมีนักท่อบเที่ยวเกือบ 2 ล้านคนเดินทางเข้ามา และสร้างรายได้ให้จ.ตราดมากกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท จากนักท่องเที่ยวเกือบ 40 ล้านคนที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย ทั้งที่จังหวัดตราดมีประชากรเพียง 2.24 ล้านคนเท่านั้น
“ที่ผ่านมาจังหวัดตราดได้ผลักดันนโยบายการพัฒนาเส้นทางแนวชายฝั่งทะเลตอนใต้ หรือ R-10 ของ ประเทศไทย-กัมพูชา-เวียดนาม (Southern Coastal Economic of Corridor) หรือเส้นทาง CVTEC อันประกอบด้วย จังหวัดชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด ของไทย จังหวัดเกาะกง-สีหนูวิลล์-กัมปอต-แกป ของกัมพูชา และ จังหวัดเกียนยาง-กาเมา ของเวียดนาม ภายใต้การผลักดันของทีเส็บ ซึ่งจะใช้คอนเซบป์ว่า “1 Market 3 Destination“หรือมาที่เดียว(ตราด)แต่ไปได้ถึง 3 ประเทศ ซึ่งวันนี้มาที่จังหวัดกัมปอต ได้พบว่าโครงสร้างพื้นฐานของกัมพูชาก็มีความพร้อมระดับหนึ่ง และยังสามารถเดินทางไปตราดเข้าที่คลองใหญ่และเดินทางต่อไปยังจ.ตราดทีทจะมีสนามบินขนาดใหญ่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม การจัดกิจกรรม Sea Festival 2024 และ Matchingกันนั้น เราจะไปเน้นการท่องเที่ยวทางเรือ และปัจจุบันมีผู้ประกอบการทางเรือของจังหวัดตราดมีความพร้อมในเรื่องนี้มาก และมีจำนวนมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเป็นเส้นทางใหม่ที่เชื่อมการท่องเที่ยวทั้ง 3 ประเทศ“
ผู้ว่าราชการจ.ตราดกล่าวอีกว่า จากสิ่งเหล่านี้ทำให้จังหวัดตราดได้เปรียบในเรื่องการบริการนักท่องเที่ยวและจ.ตราดก็มีผู้รู้จักมากขึ้น ทั้งเกาะช้าง เกาะกูด ซึ่งเมื่อมาจ.ตราดและสามารถผ่านไปยัง 2 ประเทศได้อีก จะส่งผลดีกับจ.ตราดมาก เพราะนักท่องเที่ยวที่มาตราดไม่ต้องมากเพียง 2-3 แสนคนก็จะสร้างรายได้ให้กับจังหวัดตราดเพียงแค่การมากินมาอยู่ก็จะสร้างรายได้จำนวนมากเข้ามายังผู้ประกอบการเฟื่องฟูขึ้น ซึ่งเราได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในการจัดโปรแกรมให้เป็นรูปธรรม 4วัน 3 คืน เช่น คืนแรกอยู่จ.ตราด และ 3 วันมมาที่เกาะกง มาสีหนุวิลล์ และกัมปอต รวมทั้งแกป และทะลุไปยังเวียตนาม ก็จะทำให้เศรษฐกิจของจังหวัดชายฝั่งทะเลตะวันออกและทั้งไทย กัมพูชาและเวียตนามมีรายได้เพิ่มขึ้น เฉพาะจ.ตราดก็มีเกือบ 2 หมื่นล้าน/ปีแล้ว และนับจากนี้จังหวัดตราดไม่ได้เป็นซอยที่ตันต่อไปแล้ว แต่จะเป็นประตูทั้งขาเข้า และขาออก ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ การเดินทางเที่ยวใน 3 ประเทศจะได้ลดอุปสรรคในการเดินทางเข้าออกประเทศซึ่งเรื่องนี้ นายฮวด ฮะ รมต.ท่องเที่ยวกัมพูชาและนายเมา ทะนิน ผู้ว่าฯกัมปอตได้ร่วมหารือเรื่องนี้ด้วยตนเอง ทั้งทางบกและทางเรือซึ่งมีความก้าวหน้ามากในการเจรจาครั้งนี้ เนื่องจากรัฐมนตรีมาหารือเอง จะยิ่บทำให้ทะเลที่เชื่อมกันทั้ง 3 ประเทศมีก็แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม อากาศสดชื่นซึ่งมีความคล้ายคลึงกัน ทั้งต้นจาก ทุเรียน หรือ พริกไทย ทำให้เราสามารถก้าวไปพร้อมๆกัน