“นิพนธ์” ชี้การกระจายอำนาจ คือทางรอดลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำแจกเงินแก้ไม่ตรงจุด ต้องสร้างอาชีพ-ทำชุมชนเข้มแข็ง

"นิพนธ์" ชี้การกระจายอำนาจ คือทางรอดลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำแจกเงินแก้ไม่ตรงจุด ต้องสร้างอาชีพ-ทำชุมชนเข้มแข็ง

เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ณ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เข้าร่วมเวทีเสวนาในหัวข้อ “ทิศทางชุมชน ทิศทางประเทศไทย” ภายในงาน “15 ปีสัมมาชีพ สานพลังไทย สร้างสัมมาชีพเต็มพื้นที่” ซึ่งจัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางในการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน โดยมี ดร.อุตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น

นายนิพนธ์กล่าวว่า จากประสบการณ์การทำงานที่คลุกคลีกับประชาชนมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่การเป็นสมาชิกสภาจังหวัด (สจ.) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จนถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และตำแหน่งรัฐมนตรี ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “หากต้องการทำให้ประเทศไทยเข้มแข็ง ต้องสร้างความเข้มแข็งจากฐานราก นั่นคือชุมชนและท้องถิ่น” ซึ่งหากทำให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง ประเทศก็เข้มแข็ง ซึ่งการกระจายอำนาจถือเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ จะเห็นได้ว่าในอดีตความเจริญถูกกระจุกตัวอยู่ในเมืองใหญ่หรือมหานคร ขณะที่ชนบทยังคงขาดแคลนทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทุุกด้านและโอกาสในการพัฒนา แม้ในสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี จะมีความพยายามในปรับปรุงชนบทผ่านการสร้างสาธารณูปโภค แต่เมื่อเริ่มยกฐานะ สภาตำบลเป็นองค์การบริหารส่วนตำบลเมื่อปี 2537 ความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทเริ่มลดลง และถึงวันนี้คงเหลือแต่เพียง เมืองขนาดเล็ก ขนาดกลางและเมืองขนาดใหญ่

 

ข่าวที่น่าสนใจ

“วันนี้เราต้องตั้งคำถามกันและหาแนวทางกันว่า จะทำอย่างไรให้เมืองมีความเหลื่อมล้ำน้อยลง ทั้งในแง่การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน เพราะหากทำได้ ความยากจนเชิงโครงสร้างก็จะลดลง และชุมชนก็จะสามารถยืนหยัดได้อย่างยั่งยืน อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองมหานครกับเมืองขนาดเล็กขนาดกลาง เราต้องเร่งสร้างเมืองมหานคร” ใหม่ ๆ ในภูมิภาค ให้เติบโตเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำระหว่างกรุงเทพมหานครและเมืองขนาดเล็ก พร้อมกระจายความเจริญสู่ทุกภูมิภาค เราต้องกระจายความเจริญไปให้ทั่วทุกพื้นที่ ทำให้ทุกจังหวัดสามารถเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาได้เหมือนกรุงเทพฯ นี่ต่างหากคือทางรอดในการลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง” นายนิพนธ์กล่าว

พร้อมกันนี้ นายนิพนธ์ยังวิพากษ์นโยบายการ “แจกเงิน” ที่ฝ่ายการเมืองมักใช้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า โดยชี้ว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด และส่งผลให้ชุมชน สังคมยิ่งอ่อนแอลง “การแจกเงินเหมือนการแจกปลา แต่ไม่สอนให้จับปลา สุดท้ายคนก็จะรอแค่ว่า รัฐบาลจะแจกอะไรต่อไป โดยไม่คิดถึงการสร้างโอกาสหรืออาชีพที่ยั่งยืน

“การแก้ไขปัญหาความยากจนที่แท้จริง ต้องมุ่งเน้นการสร้างรายได้จากอาชีพ ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน และกระจายโอกาสให้เท่าเทียมกัน ที่สำคัญ ต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุด มองเห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของแต่ละพื้นที่ แทนที่จะใช้ยาแก้ปวดสูตรเดียว แก้ทั้งประเทศ การจะแก้ปัญหาให้สำเร็จได้ ต้องเหมือนหมอที่วินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ ต้องจ่ายยาให้เหมาะสมกับคนไข้ เพราะแต่ละพื้นที่ แต่ละตำบล ต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน เราจึงต้องวางนโยบายที่ตอบโจทย์ของพื้นที่นั้นอย่างแท้จริง” นายนิพนธ์กล่าว

 

นายนิพนธ์ บุญญามณี กล่าวเน้นย้ำว่า แทนที่รัฐบาลจะมุ่งเน้นการแจกเงินแก้ปัญหาเฉพาะหน้า รัฐบาลควรเปลี่ยนแนวทางไปสู่การพัฒนาคน โดยสร้างทักษะและความรู้ที่เท่าทันเทคโนโลยีในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชน ลดเวลาเรียนที่ไม่จำเป็น และมุ่งเน้นการเรียนรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดอาชีพและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองและสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้อย่างแท้จริง

นายนิพนธ์ได้ทิ้งท้ายว่า สิ่งที่พูดคุยกันในเวทีนี้จะต้องไม่เป็นเพียงแค่คำพูดที่ลอยอยู่ในอากาศ แต่ต้องนำมาสู่การปฏิบัติจริง โดยเน้นการหาจุดร่วมที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน และเดินหน้าไปพร้อมกัน หากเราร่วมมือกันในสิ่งที่เห็นตรงกัน มันจะสร้างพลังและพลวัตรที่สำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของประเทศได้อย่างแท้จริง และหากเรากระจายอำนาจ กระจายโอกาสให้ทุกคนอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม ก็จะสามารถลดความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นได้ อันจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชนที่ทุกคนปรารถนาอย่างยั่งยืน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ดีเอสไอ" จ่อเรียกสอบ 40 วิศวกร คดีตึกสตง.ถล่ม
"ฉก.ลาดหญ้า" ยันเหตุปะทะในประเทศเมียนมา ยังไม่มีผลกระทบชายแดนไทย
บางจาก ศรีราชา และ GISTDA ผนึกกำลังกับสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ร่วมสร้างอนาคต นกกาฮัง และ การฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ
“กรมอุตุฯ” เตือนรับมือ "พายุฤดูร้อน" ฉบับ 2 ถล่มไทยตอนบน 26 เม.ย.- 1 พ.ค.นี้
“ดร.เฉลิมชัย” ลงพื้นที่ติดตามโครงการศึกษา สำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลในพื้นที่เสี่ยงกร่อยเค็ม ตำบลอุ่มเม้า อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด แก้ปัญหาให้ประชาชน 15 หมู่บ้าน กว่า 7,200 คน มีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี
"ผอ.สปภ." เผย ตึกสตง.ถล่ม ลดซากเหลือ 7 เมตร จนท.ตัดเหล็กขนย้ายได้เร็วขึ้น คาดเสร็จสิ้นเดือนเม.ย.นี้
แฉกลโกงออนไลน์! ใช้ชื่อ ‘ธนินท์’ ลวงซ้ำ – ซีพีเอาผิดไม่เว้น
DITP โชว์ผลงานจัดกิจกรรมส่งออก 7 เดือน สร้างรายได้เข้าประเทศ 36,921 ล้าน ผู้ประกอบการได้ประโยชน์ 42,409 ราย
"กระทรวงยุติธรรม" เปิดตัวโครงการ "รวมพลังอาสาสมัครราชทัณฑ์ คืนคนดีสู่สังคม"
“เอกนัฏ” เอาจริง “ส่งทีมสุดซอย” ตรวจโรงงานปราจีนฯ ยึดเหล็กไม่ได้มาตรฐาน 7 พันตัน มูลค่า 148 ล้าน คาดเอี่ยวคดีตึก สตง.

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น