เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่ผ่านมา โดยพลเรือโท สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 มอบหมายให้ นาวาเอก ชำนาญ นบนอบ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานประมงชายแดนทางทะเลไทย-เมียนมา ร่วมเป็นสักขีพยาน และสังเกตการณ์ร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ในการผลักดันส่งกลับบุคคลต่างด้าว ออกไปนอกราชอาณาจักร ด้วยความสมัครใจ โดยช่องทางธรรมชาติ ระนอง – เกาะสอง เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางการปฏิบัติ ต่อผู้หลบหนีเข้าเมืองทางทะเล ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร และเพื่อเป็นการเสริมมาตรการในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ บริเวณชายฝั่งทางทะเล ไทย – เมียนมา จังหวัดระนอง และ จังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา ตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ด้วยพาหนะเรือยนต์หางยาว จำนวน 15 ลำ แรงงานต่างด้าว จำนวน 219 คน แบ่งเป็นชาย 205 คน และหญิง 14 คน ณ บริเวณท่าเทียบเรือศุลกากร บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง

ขณะที่ จ.เชียงราย ก็มีการผลักดันชาวเมียนมาเถื่อนออกไปเช่นกัน โดยเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สาย เดินทางเข้าตรวจสอบ กรณีมีชาวบ้านร้องเรียนว่า พบคนชาวเมียนมา มีพฤติกรรมออกตระเวนรับสิ่งของบริจาค ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ตลาดสายลมจอย อ.แม่สาย จ.เชียงราย เมื่อไปถึง พบชาวเมียนมา 18 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 13 คน และเด็กอีก 4 คน กำลังนั่งรวมกลุ่มกัน นอกจากนี้ยังพบเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภคจำนวนมาก

จากการสอบสวน ชาวเมียนมา ให้การว่า เดินทางมาจากประเทศเมียนมา เข้ามาประเทศไทย โดยใช้บัตรผ่านแดนชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่า มีความประสงค์เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว แต่ระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ได้ตระเวนรับสิ่งของบริจาค จากประชาชนในพื้นที่ อ.แม่สาย เพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับพี่น้องที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมา ซึ่งประสบภัยน้ำท่วมเช่นกัน

ด้านเจ้าหน้าที่ระบุว่า จากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ตรวจพบ ถือว่าชาวเมียนมา เข้ามาในประเทศไทยแบบผิดวัตถุประสงค์ โดยการข้ามแดนระหว่างประเทศ จะอนุญาตให้คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ไปเยี่ยมญาติ ไปท่องเที่ยว ไปทำธุรกิจ หรือการทำงานแบบไป-กลับตามฤดูกาลเท่านั้น จึงนำชาวเมียนมาทั้งหมด ไปทำการตรวจสอบเพิ่มเติม ที่ทำการตรวจคนเข้าเมือง จ.เชียงราย ก่อนผลักดันกลับประเทศเมียนมาต่อไป