Top news รายงาน สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมฯ เปิด 10 ฉายา ตำรวจ “บิ๊กต่าย” ฉายา “กัปตันเรือกู้” จากภารกิจร้อนในการกอบกู้วิกฤติศรัทธา-ภาพลักษณ์องศ์กร “อัคราเดช” ได้ฉายา “สุมาอ้อ ยอดกุนซือ” จากผลงานเด่นคุมทีมเปิดฉากไล่ล่า 18 บอส ดิไอคอนได้ในวันเดียว ขณะที่ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ได้ฉายา “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม” จากผลงานเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์แทบไม่หยุดพัก ด้าน จ๋อแจ๊ะ ได้ฉายา “กุนซือมือฉบัง-อย่าเล่นกับระบบ แจ๊ะ”
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 26 ธ.ค.67 ที่ศูนย์ปฏิบัติการสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมฯ นายสมชาย จรรยา อุปนายก นายสุรชัย นิโครธานนท์ อุปนายก นายธนากร ริตุ เลขาสมาคมฯ และพล.ต.ต.ดร.ชยุต มารยาทตร์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายสมาคมฯ นายกันตเมธส์ จโนภาส ทนายประจำสมาคมฯ พร้อมตัวแทนสื่อมวลชน ร่วมแถลงการณ์ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2567
นายไพโรจน์ กล่าวว่า ผู้สื่อข่าวสายงานด้านอาชญากรรมได้ทำงานใกล้ชิดกับแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดปีที่ผ่านมาได้เฝ้าติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำเสนอผลงานสู่สายตาประชาชน เพื่อสะท้อนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทุกปีได้ร่วมกันตั้งฉายาตำรวจประจำปีขึ้น ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาโดยปราศจากอคติส่วนตัว ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งฉายานั้น มีการประชุมร่วมกันกับตัวแทนสื่อมวลชนจากสังกัดต่าง ๆ เสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามาและคัดเลือกในปีนี้เหลือเพียง 10 นาย ดังนี้
1.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฉายา “กัปตันเรือกู้”
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำองค์กรในวันที่ประชาชนสิ้นหวังกับตำรวจ ต้องเผชิญกับมรสุมวิกฤติศรัทธาต่อประชาชน ถือว่าเป็นงานสำคัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งในวงการสีกากี 7 ตำรวจรุมทำร้ายประชาชน จ.ส.ต.เมากร่าง ยิงปืนขู่หน้าผับ ทองหล่อ และอีกหลายเรื่องที่จะต้องกอบกู้ ความศรัทธา ความเชื้อมัน ความปลอยภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนกลับคืนมา จึงมอบนโยบาลให้แก่ตำรวจ 15 ข้อ ภายใต้วิสัยทัศน์ “เป็นตำรวจมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส เพื่อให้เกิดความผาสุกแก่ประชาชน และที่สำคัญ ผู้บัญชาการ/ผู้บังคับการ จะต้องเป็น อินฟลูเอนเซอร์ ด้วยตนเอง ให้เป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง จึงเป็นที่มาของฉายา “กัปตันเรือกู้”
2.พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผบ.ตร. ฉายา “สุมาอ้อ ยอดกุนซือ”
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ถือว่าเป็นนายตำรวจฝีมือดีอีกท่านหนึ่งที่ทำงานเชิงรุกเก่งทั้ง บู๊และบุ๋น ด้วยความสามารถบวกกับการทำงานเชิงรุก ยอมหักไม่ยอมงอ ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้คุมหน้างานภารกิจสางคดีสำคัญมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดทำคดี บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ก่อนรวมรวบพยานหลักฐาน เปิดปฏิบัติการ หนุมานถล่มกรุง ‘ดิไอคอน’ เปิดฉากล่า 18 บอส ดิไอคอน ได้ภายในวันเดียวจบ ล่าสุดก็คดีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง สจ.โต้ง เปิดยุทธการทลายรังนักเลงปิดล้อมปราจีนบุรี ล็อกเป้าลุยค้น 3 วัน 59 เป้าหมายยึดอาวุธเพียบ เปรียบเสมือน“สุมาอี้”จากเรื่องสามก๊ก ที่วางแผนกลยุทธ์ให้ขุนผลเผด็จศึก สื่อมวลชนจึงมอบฉายา“สุมาอ้อ ยอดกุนซือ ”
3.พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. ฉายา “มือปราบหน้านิ่ง”
พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผบ.ตร. ด้วยบุคลิกที่สุขุมนุ่มลึกโดยเฉพาะใบหน้าที่ไม่มีการยิ้มให้เห็น น้อยคนนักที่จะเห็นรอยยิ้มของท่าน แต่เป็นนายตำรวจหนุ่มที่มีไฟแรง มากฝีมือได้รับมอบหมายงานด้านปราบปราม โดยเฉพาะยาเสพติด-เด็กแว้น-น้ำมันเถื่อน ในรอบปีที่ผ่านมาจับกุมยาบ้ากว่า 1,000 ล้านเม็ด เฮโรอินกว่า 1,000 กก.ยาไอซ์กว่า 20,000 กก. เด็กแว้น 40,933 ราย และยึด อายัดทรัพย์สินความผิดที่เกี่ยวกับยาเสพติดรวมกันไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท ถึงแม้จะมีการแถลงข่าวท่านก็ไม่เคยยิ้มจึงเป็นที่มาของฉายา“มือปราบหน้านิ่ง”
4.พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ฉายา “สยาม เนรมิต”
พล.ต.ท.สยาม บุญสม รรท.ผบช.น. ถือเป็น “ม้ามืด” ในการแต่งตั้งนายพลใหญ่ที่ผ่านมา ชนิดที่เรียกว่าพลิกโผ ล้มกระดานเซียน เรียกได้ว่าดุดดัง“เนรมิต”มาเลยก็ว่าได้ เนื่องจากกรุงเทพฯมีคดีอาชญากรรมข้อนข้างสูง ผู้ใหญ่หลายท่าน จึงอยากให้มาคุมเมืองหลวงเพื่อที่จะให้คดีอาชญากรรมลดลง แต่เมื่อส่องดูประวัติ พบว่า “บิ๊กหยาม” ถือเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ผ่านการทำงานมากมาย อีกทั้งเคยเป็นผู้บังคับการคนแรก ของกองบังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 เคยดำรงตำแหน่งเป็น ผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และสมัยที่ดำรงตำแหน่งรองผบช.น. ก็ได้รับมอบหมายหน้างานสำคัญ ด้านกิจการพิเศษ ซึ่งไม่ขาดตกบกพร่อง จึงไม่แปลกที่จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง ผบช.น. จึงได้รับฉายา “สยาม เนรมิต”
5.พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.)ฉายา “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม”
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. มีชื่อเล่นว่า“อรรถ” หลังเข้ามารับตำแหน่ง “แม่ทัพไซเบอร์” ได้มอบนโยบายแก่กำลังพล ชูวิสัยทัศน์ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน-ลดภัยออนไลน์ ขณะเดียวกันได้งัดคำสั่งตร.คุมพฤติกรรมลงดาบฟันวินัย-อาญา “ตร.นักบิน” ที่มีพฤติกรรมนอกลู่นอกทางแอบตีกินจับนอกเขตจนเสียชื่อหน่วย พร้อมขันนอตขุนพลไซเบอร์ต้องมีผลการปฏิบัติทุกวัน ลั่นมีเวลาแค่ 10 เดือนคุมทัพ ตั้งเป้า “3 แสน” คดีออนไลน์ที่ค้างต้องเคลียร์ให้จบ ทำให้ระยะเวลาไม่ถึงเดือนเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมทางออนไลน์ ชนิดที่ว่ามีงานให้ออกแทบทุกวัน โดยแต่ละคดีจัดหนักจัดเต็ม จึงได้ฉายา “ไซเบอร์อรรถ จัดเต็ม”