“ปราชญ์ สามสี” จัดหนัก “อานนท์ นำภา” ยกเป็น “บุคคลแห่งปี” บิดเบือนสร้างดราม่า ทำพฤติกรรมซ้ำซากคดี 112
“ปราชญ์ สามสี” ชำแหละ “อานนท์ นำภา” “บุคคลแห่งปี” เมื่อเสรีภาพกลายเป็นข้ออ้าง ความรับผิดชอบถูกโยนทิ้ง พฤติกรรมซ้ำซากคดี ม.112 ที่เหมือนตั้งใจ แม้ได้รับโอกาสปล่อยตัวหลายครั้ง บิดเบือนปลุกปั่นสร้างกระแสดราม่าลดทอนความน่าเชื่อถือของมาตรา 112
ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีเฟจเฟซบุ๊ก iLaw โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตอนหนึ่งว่าเฟซบุ๊ก สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา โพสให้คนช่วยกันเสนอชื่อ “บุคคลแห่งปี” และมีคอมเม้นต์หลายพันช่วยกันเสนอชื่อ “อานนท์ นำภา” ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่อานนท์ ซึ่งถูกคุมขังอยู่ตลอดทั้งปี 2567 กำลังถูกเบิกตัวไปขึ้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ในคดีมาตรา 112 ของเขา วันที่ 25 ธันวาคม 2567 หลังการสืบพยานที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่เสร็จสิ้น เมื่อผู้ที่มาให้กำลังใจอานนท์ที่ห้องพิจารณาคดีเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง อานนท์มีสีหน้าแปลกใจ ทนายความจึงเปิดข้อความบนโทรศัพท์มือถือและโชว์ให้อานนท์ดูว่า ชื่อของเขากำลังอยู่ในหน้าข่าวช่วงปีใหม่นี้ อานนท์จึงมีสีหน้ายิ้มแย้ม และบอกว่า คนน่าจะยังคงสนใจเรื่อง
เมื่อถามอานนท์ว่า ทราบข่าวนี้แล้วมีความเห็นอย่างไร อานนท์ตอบว่า “แสดงว่าคนยังไม่ลืมเนื้อหาสาระและอุดมการณ์การต่อสู้ที่เราได้ร่วมกันมา เขาไม่ได้จำอานนท์ในฐานะที่เป็นตัวบุคคล แต่ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหว การต่อสู้มันยังอยู่และรอเวลาที่จะเบ่งบานอีกครั้งเท่านั้น”
ล่าสุดวันนี้ (26 ธ.ค.) เพจเฟซบุ๊ก ปราชญ์ สามสี โพสต์ข้อความว่า อานนท์ นำภา: เมื่อเสรีภาพกลายเป็นข้ออ้าง และความรับผิดชอบถูกโยนทิ้ง คดีของอานนท์ นำภา ซึ่งถูกตัดสินโทษจำคุกในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตามมาตรา 112 กำลังเป็นดราม่าร้อนแรงในทุกวงสนทนา ท่ามกลางกระแสที่แบ่งเป็นสองฝั่ง มีทั้งคนที่เชื่อว่ากฎหมายมาตรานี้เข้มงวดเกินไป และคนที่มองว่าโทษที่อานนท์ได้รับนั้นเหมาะสมทุกกระเบียดนิ้วกับสิ่งที่เขากระทำ
พฤติกรรมซ้ำซากที่เหมือนจะตั้งใจ
อานนท์ไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ที่โดน “ปรักปรำ” แต่เป็นจำเลยผู้ซ้ำรอยเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขามีประวัติที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 หลายครั้ง แถมยังได้โอกาสจากกระบวนการยุติธรรมให้ปล่อยตัวชั่วคราวหลายรอบ แต่ทุกครั้งกลับจบลงด้วยการละเมิดเงื่อนไขแบบไม่มีความเกรงใจต่อกฎหมาย นี่คือคำถามสำคัญว่า พฤติกรรมของเขาเป็นความบังเอิญ หรือเจตนาที่แฝงเร้นเพื่อสร้างความขัดแย้งในสังคม
คดีอากง: ภาพสะท้อนจริยธรรมทนายความ
ย้อนกลับไปที่คดี “อากง SMS” ซึ่งอานนท์รับบทเป็นทนายความ เขาย่อมรู้ดีว่าคดีนี้มีจุดอ่อนด้านหลักฐานดิจิทัลที่น่าจะช่วยเหลือจำเลยได้ แต่กลับดูเหมือนว่าเขาเลือกที่จะเพิกเฉยต่อการปกป้องจำเลยอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดคำถามว่า อานนท์ตั้งใจใช้คดีนี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ เพื่อสร้างกระแสต่อต้านมาตรา 112 มากกว่าที่จะช่วยให้ “อากง” รอดพ้นจากโทษ นี่คือจุดที่ทำให้อานนท์ถูกมองว่าไร้จริยธรรมในวิชาชีพ
เล่นบทครอบครัวเรียกคะแนนสงสาร
อีกหนึ่งบทบาทที่ชวนให้ตั้งคำถามคือการนำลูกๆ ของเขามาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างความเห็นใจจากสังคม เปิดเผยใบหน้าของพวกเขาในพื้นที่สาธารณะเพื่อ romanticize ภาพจำของเขา แม้สิ่งนี้อาจถูกมองว่าเป็นการต่อสู้เพื่อสิทธิ แต่กลับสะท้อนถึงความไม่เหมาะสมและอาจละเมิดสิทธิเด็กของลูกๆ ตัวเอง
การบิดเบือนความจริงเพื่อดราม่า
หลายครั้งกระแสที่เกี่ยวข้องกับคดีของอานนท์ถูกปลุกปั่นจนเกินความจริง เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของกฎหมายมาตรา 112 โดยจงใจละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าโทษจำคุกของอานนท์มาจากการกระทำผิดซ้ำซาก ไม่ใช่ความผิดครั้งเดียว การบิดเบือนเช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเข้าใจผิดในสังคม แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถามต่อความยุติธรรมในระบบที่ต้องปกป้องทุกฝ่าย
เสรีภาพต้องคู่กับความรับผิดชอบ
ในท้ายที่สุด คดีของอานนท์ไม่ได้สะท้อนเพียงปัญหาของกฎหมายมาตรา 112 แต่ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาของความรับผิดชอบในฐานะพลเมือง หากการแสดงความคิดเห็นกลายเป็นข้ออ้างสำหรับการท้าทายกฎหมายอย่างไร้จริยธรรม สังคมจะสูญเสียสมดุลและความสงบสุขในที่สุด
บทเรียนจากกรณีนี้ไม่ใช่การตั้งคำถามว่ากฎหมายควรเปลี่ยนหรือไม่ แต่คือคำถามว่า เราจะใช้เสรีภาพอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบเพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขและเคารพซึ่งกันและกันได้อย่างไร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
