RT, BBC และรอยเตอร์สรายงานว่าทำเนียบเครมลินออกแถลงการณ์เมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 28 ธค.) เปิดเผยว่าประธานาธิบดีปูตินได้ต่อสายหาประธานาธิบดีอิลฮัม เอลิเยฟ ของอาเซอร์ไบจาน โดยได้ขอโทษต่อเหตุโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นในน่านฟ้ารัสเซีย พร้อมแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและแสดงความปรารถนาให้ผู้ได้รับบาดเจ็บอาการดีขึ้นโดยเร็ว
อย่างไรก็ตามปูตินไม่ได้ออกมายอมรับโดยตรงว่าเหตุเครื่องบินตกเป็นความผิดหรือเกิดจากขีปนาวุธของรัสเซีย โดยระบุเพียงว่าเขาตระหนักว่าเครื่องบินได้พยายามจะลงจอดที่สนามบินเมืองกรอซนี่ย์ ในแคว้นเชชเนียหลายครั้ง ก่อนที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียจะทำงาน เนื่องจากในช่วงเวลานั้นยูเครนได้ส่งโดรนเข้ามาโจมตีเมืองต่างๆของรัสเซีย รวมทั้งกรอซนี่ย์, มอสด็อกและวลาดิคาฟคาส ทำให้ระบบป้องกันภัยพยายามที่จะยิงสกัด
ทั้งนี้เครื่องบินโดยสารของอาเซอร์ไบจานเที่ยวบิน J2-8243 จากกรุงบากู ของอาเซอร์ไบจานไปเมืองกรอซนี่ย์ ของรัสเซียถูกยิงขณะกำลังจะลงจอดที่กรอซนี่ย์ ทำให้นักบินตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางโดยนำเครื่องบินข้ามทะเลแคสเปี้ยน ก่อนที่เครื่องบินจะตกใกล้กับเมืองอัคเตา ประเทศคาซักสถาน ทำให้มีผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิต 38 คนรอดตายมาได้ 29 คน ทั้งนี้เชื่อว่าผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่นั่งอยู่บริเวณตอนท้ายของเครื่อง ขณะที่ผู้เชื่ยวชาญด้านการบินเชื่อว่าระบบ GPS นำทางของเครื่องได้รับความเสียหายจากการถูกยิงเป็นเหตุให้หัวเครื่องบินดิ่งลงในลักษณะดังกล่าว
ผู้รอดชีวิตหลายคนเล่าว่าได้ยิงเสียงระเบิดก่อนที่เครื่องบินจะตก คาดว่าเป็นเสียงตอนที่เครื่องบินถูกยิง ด้านอาเซอร์ไบจานเองก็ไม่ได้กล่าวหารัสเซียอย่างเป็นทางการ แต่รัฐมนตรีคมนาคมออกมาชี้ว่าเครื่องบินตกเกิดจาก “การรบกวนจากภายนอก ซึ่งได้สร้างความเสียหายทั้งด้านในและด้านนอกขณะนักบินพยายามจะนำเครื่องลงจอด”
แถลงการณ์ของทำเนียบเครมลินระบุว่าเจ้าหน้าที่รัสเซียกำลังทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากอาเซอร์ไบจานและคาซักสถานในพื้นที่เกิดเหตุ
หลังเกิดเหตุ สายการบินหลายสายได้สั่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซียเป็นการชั่วคราว รวมทั้งเติร์กเมนิสถาน แอร์ไลน์ส, ยูเออีแอร์ไลน์, คาซักแอร์และเอลอัล ของอิสราเอล
