“อธิบดีราชทัณฑ์” แจงเกณฑ์ใหม่ คุมขังนอกเรือนจำ “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่เข้าเงื่อนไข
ข่าวที่น่าสนใจ
29 ธ.ค.2567 ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกระบวนการการรับฟังความคิดเห็นร่างประกาศกรมราชทัณฑ์ เรื่องกำหนดคุณสมบัติเฉพาะ ลักษณะต้องห้าม และวิธีการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 สำหรับระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ ที่ครบกำหนดรับฟังความเห็นไป เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567
โดยนายสหการณ์ กล่าวว่า ตอนนี้ราชทัณฑ์กำลังประมวลความคิดเห็นของประชาชนทั้งหมดที่ได้มีการเสนอเข้ามา และจะดูว่ามีประเด็นใดบ้างที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข เสนอแนะ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เราปรับปรุงแก้ไขแล้ว ก็จะพูดคุยกันภายในกรมราชทัณฑ์ เพื่อสามารถประกาศใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำได้ เนื่องจากหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ อีกทั้งกฎหมายไม่ได้บัญญัติว่าต้องไปดำเนินการผ่านกระบวนการใดอีก ส่วนกรอบเวลาที่จะบังคับใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำว่า คาดว่าอาจจะอยู่ในช่วงเดือนมกราคม 2568 ส่วนจะมีกลุ่มผู้ต้องขังประเภทใดเข้าเกณฑ์บ้างนั้น ตอนนี้อยู่ระหว่างการสำรวจ เพราะที่กำหนดไว้มีทั้งหมด 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้รับการจำแนก กลุ่มที่ต้องได้รับการพิจารณาพฤตินิสัย กลุ่มเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย และกลุ่มผู้ต้องขังเจ็บป่วย ดังนั้นหากสำรวจแล้วเสร็จ จึงจะพิจารณาถึงสถานที่ที่จะใช้ในการคุมขังและระบบการดูแล แต่คงยังประกาศไม่ได้ว่าจะเป็นกลุ่มใดก่อน แต่เป็นไปได้ก็อยากทำทุกกลุ่มพร้อมกัน
นายสหการณ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานที่สำหรับคุมขังอื่น เช่น หากเป็นบ้านพัก ก็ต้องติดกล้องวงจรปิด ส่วนการติดกำไล EM จะเป็นการพิจารณาของคณะกรรมการฯ โดยไม่ต้องเสนอต่อศาลว่าจะติดกำไล EM บุคคลใด เพราะเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ไปคุมขังยังสถานที่อื่นก็ยังต้องโทษอยู่ แค่เปลี่ยนจากเรือนจำเป็นสถานที่คุมขังอื่นเท่านั้น ระบบการควบคุมดูแลปฏิบัติจะเสมือนอยู่ในเรือนจำ ทั้งการติดกล้องวงจรปิด การสื่อสารระหว่างเจ้าของสถานที่กับเจ้าหน้าที่เรือนจำ และต้องมีการลงไปตรวจสอบพื้นที่เป็นระยะ ๆ รวมทั้งผู้ที่เป็นเจ้าของสถานที่คุมขังอื่น ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ราชการหรือเอกชน ก็ต้องดูแลไม่ปล่อยให้ผู้ต้องขังหลบหนี หรือก่อเหตุ หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเจ้าของสถานที่ก็จะต้องรับผิดชอบเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่เรือนจำ
ส่วนรายคดีประเภทความมั่นคง และความผิดต่อร่างกาย จิตใจ และเพศ จะเข้าเกณฑ์ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่นั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ผู้ต้องขังในคดี พ.ร.บ.มาตรการป้องกันการกระทำความผิดซ้ำในความผิดเกี่ยวกับเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง หรือกฎหมาย JSOC จะไม่เข้าเงื่อนไขแน่นอน รวมทั้งคดีการก่อการร้าย คดีการจำหน่ายยาเสพติดในปริมาณมาก หรือผู้ค้ารายใหญ่ ส่วนคดีความมั่นคงนั้น คำว่าคดีความมั่นคงค่อนข้างกว้าง ขณะที่ผู้ต้องขังในคดีมาตรา 112 จะได้รับการพิจารณาเข้าเกณฑ์หรือไม่นั้น เราก็จะต้องนำมาพิจารณาทั้งหมด
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวถึงกรณีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดี ม.157 จะเป็นประเภทคดีที่ถูกละเว้นไม่เข้าเงื่อนไขระเบียบคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่ว่า คดีดังกล่าวยังไม่อยู่ในข้อยกเว้น แต่ประเด็นดังกล่าวจะถูกนำมาพิจารณา ทั้งในชั้นกรรมการเรือนจำ และกรรมการระดับกรมราชทัณฑ์
เมื่อถามว่านางสาวยิ่งลักษณ์มีอัตราโทษจำคุก 5 ปี หากมีการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย แล้วอาจเหลือโทษน้อยลง หรือได้รับการลดโทษ จะเข้าเงื่อนไขโทษต่ำ 4 ปี สำหรับระเบียบคุมขังนอกเรือนจำหรือไม่
นายสหการณ์ กล่าวว่า เงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ คือ มีอัตราโทษไม่เกิน 4 ปี หรือมีคำพิพากษาจากศาลไม่เกิน 4 ปี ก็จะเข้าเงื่อนไขอย่างไรก็ตามนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้ยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะรายเข้ามาที่กรมราชทัณฑ์ เนื่องด้วยเจ้าตัวยังไม่ได้เข้ามาอยู่ที่เรือนจำ แต่หากเข้ามาที่เรือนจำเมื่อใดจึงจะยื่นขออภัยโทษได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น