“โหรฟองสนาน” ทำนายชะตาเมืองปี 68 เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ดวงนายกฯหลังเม.ย.เริ่มอ่อนแอ “ทักษิณ”ต้องระวังสร้างศัตรู
ข่าวที่น่าสนใจ
30 ธ.ค.67 โหรฟองสนาน จามรจันทร์ เปิดตำราโหราศาสตร์มาทำนายดวงเมืองปีหน้า ประเทศไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นหรือไม่ ว่า การเมืองจะพลิกผันซับซ้อนเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องโดยจะเขม็งเกลียวขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่ต้นปี แล้วก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ ในระดับที่อาจจะบอกว่านายกฯอาจต้องคำพิพากษา ลาออกหรือยุบสภา หรือปฏิวัติ และกบฏ เป็นไปได้ทุกทาง เพราะฉะนั้นสำหรับการเมืองปีใหม่นี้ เข้มข้น ชนิดที่นักข่าวสายการเมือง ต้องเตรียมตัวไม่ได้หลับไม่ได้นอนกัน และการเมืองเราไม่นิ่งจนกว่าจะถึงปลายพฤศจิกายน รัฐบาลถึงจะได้บริหารประเทศแบบคงที่ ค่อนข้างที่จะสนุกสำหรับนักข่าวการเมือง เพียงแต่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเท่านั้น และตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นไปจนถึงประมาณ กลางกุมภาพันธ์ 2568 ดวงนายกรัฐมนตรี หรือรวมผู้นำยังเข้มแข็งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่พอ 13 กุมภาพันธ์ไปถึง 13 เมษายน 2568 เวลา 2 เดือน ดวงนายกรัฐมนตรีของเมืองอ่อนแอ เพราะว่าเริ่มมรณะ อึดอัด ถูกจำกัดเสรีภาพ อับแสงพลิกผันเขม็งเกลียวออกไปเรื่อย ๆ แล้วก็มันจะนำไปสู่ประเด็นที่ต้องจับตาในช่วงเดือนพฤษภา68 ที่จะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ทางการเมือง แล้วก็ถ้ารัฐบาลนี้จะได้บริหารประเทศจริงๆ ก็ประมาณ เดือนพฤศจิกายนไปแล้ว
ส่วนปีหน้าจะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเกิดขึ้นอีกหรือไม่ เชื่อว่าขั้วรัฐบาลยังจะเป็นกลุ่มเดิม ถ้ามีการยุบสภา เชื่อว่าตั้งแต่ปลายกรกฎาคมเป็นต้นไป ขั้วรัฐบาลเก่าก็เริ่มเคลื่อนไหวหาเพื่อนแล้ว เพียงแต่ช่วงนั้นจะมีปรากฏการณ์หมูท้าราชสีห์รบในเมือง แต่ปลายสิงหาคมพรรคร่วมรัฐบาลเก่าจะหาทางจับมือกันหลวม ๆ เพียงแต่จะเป็นอย่างไรเท่านั้น จะอยู่ได้หรือเปล่า ถ้าไม่มีรวมไทยสร้างชาติ เพราะขั้วรัฐบาลเก่ายังเหนียวแน่นอยู่
ส่วนดวงนายกฯคิดว่าจะอยู่ครบเทอม 4 ปีไหมหรือไม่ โหรฟองสนาน กล่าวว่า ไม่เชื่อว่านายกฯอยู่ครบเทอม เพราะจะถูกตรึงไปเรื่อยๆ การเมืองค่อนข้างจะตื่นเต้นเร้าใจ จะทำให้เกิดปัญหาเป็นระยะๆ มองว่าตั้งแต่21 เมษายน 68 เป็นต้นไป พรรคร่วมรัฐบาลก็มีปัญหากัน และจะหาทางตกลงกันได้หรือไม่เท่านั้น และทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการเมืองไทยถ้าเกิดไปไม่ได้จริงๆ ก็คือยุบสภา อย่าให้ถึงปฏิวัติ หรือกบฏ เพราะโลกไม่เอาอีกแล้ว ยกเว้นจำเป็นจริง ๆ
ส่วนปัญหาเอ็มโอยู 44 จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ตามที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ได้มีการประกาศว่าจะนำมวลชนลงถนน หากมีม็อบจริงจะกลายเป็นม็อบใหญ่เหมือนที่สมัยพันธมิตรที่ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์หรือไม่นั้น ถ้าเกิดรัฐบาลอ่อนแอเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการเจรจาต้องมี อยากให้จับตาช่วงที่จะมีการเจรจากันอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ระหว่างตุลาคมถึง 23 ธันวาคม จะได้เริ่มเห็นถึงความคึกคักเพิ่มขึ้นถ้าอยากให้ราบรื่น ก็ต้องหาคนที่ไว้วางใจได้ ส่วนการคัดค้านหรือว่าการต่อต้านย่อมมีอยู่แล้ว ถ้ารัฐบาลเข้มแข็ง ทำถูกต้องก็ไม่น่าจะมีปัญหา
ทั้งนี้กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะทำให้การเมืองไทยของเราเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น โหรฟองสนาน ระบุว่า นายกทักษิณ โดยดวงลัคนาราศีกันย์ ธาตุดิน ท่านสู้อะไรยังได้อยู่ คงทำอะไรแนวบวกได้เยอะถ้าจะทำ และถ้าไม่ท้าทายเกินไป เพราะดวงนายทักษิณตั้งแต่ 5 พฤษภาคม 68 ไปถึงสิ้นปีจะต้องไม่ขัดใจอะไรกับใคร ได้ลาภใหญ่ แต่มีเงื่อนไขต้องไม่ขัดใจอะไรกับใคร ถ้าไปท้าทายเยอะๆ ก็ไปกวนอารมณ์คน ต้องใจเย็นๆแล้วทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แล้วก็ใช้ศักยภาพส่วนตัวซึ่งสูงมากทำ ภายใต้เงื่อนไขว่า จะไม่ต้องขัดใจอะไรกับใคร จะได้ลาภ อย่าคิดบาปผิดใจเขา ตั้งแต่ 5 พฤษภาคม 68 จนถึงสิ้นปี แต่ก็มีช่วงซ้อมรับเคราะห์ใหญ่เหมือนกันตั้งแต่กลางพฤษภาคม ไปจนถึงประมาณปลายสิงหาคม จะไปเจอเคราะห์ใหญ่ประมาณปี 69 และเป็นดวงชะตาที่น่าจับตา ดวงชะตาจันทรุสุริยา เป็นดวงที่ไม่มีใครเทียบ แต่เป็นดวงที่ราหูรัก ถ้าเกิดสร้างศัตรูมากๆ พื้นดวงตก ศัตรูก็รุมทำร้ายได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิต ชะตาแบบนี้ขึ้นแรงลงแรง แต่การใช้ชีวิตก็ต้องระมัดระวังที่จะไม่ไปสร้างศัตรูมาก
มองว่าภายในปีหน้าจะเกิดสถานการณ์โรคระบาดอย่างเช่นเคยเกิดโควิด 19 หรือไม่ ว่า จะมีเป็นอุบัติเหตุใหญ่ ซึ่งจะมีถึง 4 รอบ ไม่นับรวม รอบที่ 5 ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของ ลมพายุและน้ำท่วม ซึ่งให้น้ำหนักเรื่องอุบัติเหตุใหญ่มาก เรียกกันว่าไม่แพ้รถบัสพานักเรียนทัศนศึกษาระเบิด จะโดนถึง 4 รอบ ต้องทำใจกัน ระดับโลก รวมไปถึงน้ำท่วม ต้นปีตั้งแต่เมษายนพายุจะแรง หลังจากนั้นประมาณตุลาไปจนถึงธันวาน้ำท่วมวงกว้างกว่าปี 67 ปี แต่ไม่ถึงกับมหาอุทกภัย แต่จะมีบางช่วงที่พายุและน้ำจะทำให้ตายไม่ดีกันเยอะ ซึ่งก็ต้องจับตาดูและระวังตัวกัน
ทั้งนี้ โหรฟองสนาน ฝากถึงทุกคนว่าปีใหม่ อย่าตกงาน แล้วพยายามอย่ามีหนี้ ลดหนี้ให้มากที่สุด เพราะว่าเศรษฐกิจไม่น่าไว้วางใจอย่างยิ่งมันจะเขย่ากันหมดเลย ไม่มาจากข้างนอกหรือของพวกเราเอง เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจน่าห่วงพอๆกับการเมือง ไม่ว่าเราจะเจอหนักแค่ไหน ทั้งเศรษฐกิจและการเมือง ประเด็นคือเมืองถูกออกแบบให้รอดเสมอ ยิ่งมีวิกฤต เหมือนยิ่งมีโอกาส เพราะฉะนั้นคนในเมืองถ้าเกิดไม่ตกงาน ไม่มีหนี้ ถ้าเกิดมีวิกฤตแล้วหาโอกาส และเราก็จะได้ช่วยตัวเองให้เข้มแข็งได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น