สำนักข่าว ยอนฮัพ ของเกาหลีใต้ รายงานวันนี้ (31 ธันวาคม) ว่า ศาลแขวงตะวันตกกรุงโซล อนุมัติคำร้องตามที่สำนักงานสืบสวนการคอรัปชั่นของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง หรือ CIO ยื่นขออนุมัติในวันก่อนหน้า เพื่อขอควบคุมตัวประธานาธิบดี ยุน ซอก ยอล นำตัวไปสอบปากคำข้อหาบงการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อคืนวันที่ 3 ธันวาคม เตรียมการก่อกบฏ และใช้อำนาจโดยมิชอบ ทำให้ยุน ซอก ยอล กลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่เผชิญกับการจับกุมตัวขณะยังอยู่ในตำแหน่ง
การยื่นคำร้องขอให้ศาลอนุมัติควบคุมตัวมีขึ้น หลังจากประธานาธิบดียุน เพิกเฉยหมายเรียก 3 ครั้ง ติดต่อกัน ไม่ยอมไปให้ปากคำในการสอบสวนกรณีประกาศกฎอัยการศึก
โชซอล อิลโบ สื่อเกาหลีใต้ รายงานว่า ตามขั้นตอนหลังศาลอนุมัติแล้ว หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย จะมีเวลา 48 ชั่วโมง ในการควบคุมตัวประธานาธิบดียุนเพื่อสอบปากคำ และตัดสินใจว่าจะยื่นคำร้องขอฝากขังอย่างเป็นทางการหรือไม่ หากยื่นคำร้องและศาลอนุมัติ ประธานาธิบดียุนอาจถูกฝากขังได้นานถึง 20 วันก่อนถูกแจ้งข้อหาอย่างเป็นทางการ
กระนั้น ยังมีความไม่แน่นอนว่า การบังคับใช้คำสั่งศาล จะกระทำได้หรือไม่หรือด้วยวิธีการใด เนื่องจากหน่วยอารักขาความปลอดภัยประธานาธิบดี เคยขัดขวางพนักงานสอบสวน ไม่ให้เข้าไปในสำนักงานประธานาธิบดีและบ้านพักประจำตำแหน่ง เพื่อเข้าตรวจค้นมาแล้ว แม้ถือหมายค้นที่ศาลอนุมัติก็ตาม โดยอ้างเรื่องความมั่นคงทางทหาร แต่ โอ ดอง อูน ผู้อำนวยการ CIO กล่าวว่า หมายควบคุมตัว หรือหมายจับที่ศาลออก ไม่เหมือนกับหมายค้นที่สามารถขัดขืนได้ในทางกฎหมาย ครั้งนี้หากขัดคำสั่ง จะถูกจับกุมทันที
ประธานาธิบดียุน มีเอกสิทธิ์คุ้มกันจากการดำเนินคดีอาญาตามตำแหน่ง แต่เอกสิทธิ์นี้ไม่ครอบคลุมข้อหาก่อกบฏ ขณะที่ทีมทนายของยุน ซอก ยอล โต้ว่า สำนักงานสืบสวนการคอรัปชั่นของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะสอบสวนข้อหาก่อกบฏ ซึ่งเป็นข้อหาที่โดยหลักการ อยู่ในขอบเขตอำนาจของตำรวจภายใต้ระบบกฎหมายปัจจุบัน ที่มีการแก้ไขปรับปรุงในรัฐบาลชุดก่อน
ปัจจุบัน ประธานาธิบดียุน อยู่ระหว่างถูกพักการทำหน้าที่ หลังจากสภาแห่งชาติ โหวตเห็นชอบมติถอดถอนเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มพิจารณามติถอดถอนแล้ว ก่อนตัดสินว่าจะยืนยันตามที่สภามีมติ หรือให้ยุนกลับมาทำหน้าที่ประธานาธิบดีตามเดิม โดยศาลมีเวลา 180 วันนับจาก 14 ธันวาคม