เซอร์เก้ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย บอกสำนักข่าวทาสส์ ของทางการ ว่า รัสเซียยังไม่ได้รับสัญญาณใด ๆ จากทีมงานของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเจรจายุติสงครามกับยูเครน ซึ่งรัสเซียนั้นพร้อมเสมอสำหรับการเจรจา แต่เจรจากับใคร และดำเนินการเจรจาอย่างไรก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน และหากการหารือกับรัฐบาลใหม่สหรัฐฯเกิดขึ้น รัสเซียจะไม่ยอมรับข้อเสนอเสนอ ตามแนวทางที่บรรดาที่ปรึกษาของโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ นำเสนอ ผ่านสื่อ
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายนว่า ที่ปรึกษาของทรัมป์ได้ร่างแผนยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนไว้แล้ว โดยเสนอให้ชะลอการรับยูเครน เป็นสมาชิกนาโตออกไปก่อน 20 ปี แช่แข็งแนวรบไว้ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน และจัดตั้งเขตปลอดทหารภายใต้การควบคุมของทหารรักษาสันติภาพจากพันธมิตรยุโรปของยูเครน
ลาฟลอฟ กล่าวว่า รัสเซียไม่พอใจอย่างแน่นอน หากเป็นไปตามข้อเสนอผ่านสื่อ และตามที่ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร ไทม์ เมื่อ 12 ธันวาคม โดยเสนอให้หยุดการสู้รบไว้ทุกแนวปะทะ และนำทหารรักษาสันติภาพยุโรปเข้าไปในยูเครน มีรายงานว่า ทรัมป์หารือแนวทางเหล่านี้ ระหว่างพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน และประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง ของฝรั่งเศส ที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ทรัมป์ย้ำด้วยว่า ยุโรปจำเป็นต้องเป็นฝ่ายนำในการป้องปรามรัสเซีย
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า สันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนจะเกิดขึ้นได้ ต้องกระทำผ่านข้อตกลงที่วางใจได้และมีผลผูกมัดทางกฎหมาย แก้ไขรากเหง้าความขัดแย้ง และมีกลไกป้องกันการละเมิดในอนาคต จุดยืนของรัสเซียต่อการยุติสงคราม เป็นที่รับทราบกันดี และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ได้แสดงความชัดเจนไว้หลายครั้งหลายโอกาส รวมถึงระหว่างแถลงข่าวประจำปีในเดือนนี้ ซึ่งปูติน ย้ำว่า รัสเซียพร้อมเจรจากับยูเครนโดยไม่ผูกเงื่อนไขอื่นใด นอกเหนือจากที่เคยตกลงกันไว้ในกรุงอิสตันบูล เมื่อปี 2565 เงื่อนไขเหล่านั้น ได้แก่ ยูเครนต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ห้ามเข้าร่วมนาโต และห้ามประจำการอาวุธต่างชาติในประเทศ นอกจากนี้ ปูตินย้ำว่า การเจรจาใดก็ตามที่จะเกิดขึ้น จะต้องคำนึงความเป็นจริงใหม่ นับจากปี 2565 อันรวมถึงสถานภาพของโดเนตสก์ ลูฮันสก์ เคอร์ซอน และซาปอริซเซีย ที่รัสเซียผนวกเป็นดินแดนโดยอ้างผลการลงประชามติในปีเดียวกัน