“สจ.จอย-ทนาย” ให้ปากคำตร.กองปราบฯเพิ่ม คดีการเสียชีวิตของ “สจ.โต้ง”

พร้อมบอกว่า สจ.จอย จะสอบปากคำทุกประเด็นที่กองบังคับการปราบปรามเพื่อให้สำนวนครบถ้วน ซึ่งเบื้องต้นกองบังคับการปราบปรามยังไม่ได้มีการขอพยานหลักฐานอะไรเพิ่มเติมจาก สจ.จอย เพราะก่อนหน้านี้กองบังคับการปราบปรามเอง ก็ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุแต่ละจุด จึงเชื่อว่าข้อมูลน่าจะครบถ้วนแล้ว

ซึ่งตนได้มีการพูดคุยกับ สจ.จอยไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วขณะนี้คลายความกังวลลงไปหลังจากที่กองบังคับการปราบปรามมีการรับคดีมาดูแล เนื่องจากมั่นใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบังคับการปราบปราม ว่าจะสามารถ สรุปสำนวนคดีว่าในคดีนี้ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง

นอกจากนี้ สจ.จอย ยังคงกังวลอยู่ในเรื่องเดียว คืออยากได้รับความเป็นธรรม เพราะ สจ.จอย อยากให้บุคคลที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ได้รับโทษทางกฏหมายทั้งหมด ทั้งผู้ใช้ ผู้บงการ หรือตัวการร่วม หรือที่แบ่งหน้าที่กันทำเป็นผู้สนับสนุนที่กระทำความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้รับโทษทางกฏหมายครบถ้วนทุกคน

ในเรื่องของความปลอดภัยเบื้องต้นหลังส่งโอนสำนวนคดีมาที่กองบังคับการปราบปราม สจ.จอยได้มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาดูแลความปลอดภัยระหว่างที่ดำเนินคดีอยู่ ซึ่งก็มีความระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้นแต่ถามว่ากังวลหรือไม่ ขณะนี้ สจ.จอย คงไม่กังวลเนื่องจากตอนนี้ก็ยังลงพื้นที่หาเสียงขอคะแนนเสียงจากชาวบ้านพี่น้องจังหวัดปราจีนบุรีเป็นเรื่องปกติ ซึ่งเบื้องต้นยังไม่มีการข่มขู่มาถึงตัว สจ.จอย

ส่วนกรณีที่มีบุคคลนำคลิปภาพและคลิปเสียงออกมาเปิดเผยเป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับกล่องเงินสีน้ำตาล รวมถึงประเด็นที่มีการพาดพิงว่า สจ.โต้ง มีส่วนพัวพันกับเว็บพนันและอ้างว่า สจ.โต้ง เป็นลูกแท้ๆของนายสุนทร หรือโกทร ทนายนิติศักดิ์ ระบุว่าเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อที่จะเบี่ยงเบนประเด็น ซึ่งตนอยากจะให้มุ่งเน้นไปในเรื่องของการสืบสวนสอบสวนว่าในวันที่เกิดเหตุฆาตกรรม สจ.โต้ง มีใครที่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้บ้าง พร้อมบอกว่าคนตายไปแล้วพูดอะไรไม่ได้ ยืนยันว่า สจ.โต้งไม่เคยมีส่วนพัวพันกับเว็บพนัน ส่วนจะฟ้องกลับหรือไม่นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณา และเชื่อว่าทุกเรื่องที่มีการปล่อยกระแสข่าวออกมานั้นจะไม่กระทบต่อสำนวนคดี

และเชื่อว่าในคดีนี้น่าจะมีความคืบหน้าไปมากแล้วส่วนจะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่นั้นตนเชื่อว่าน่าจะอยู่ในสำนวนการสอบสวน โดยไม่สามารถที่จะฟันธงได้ แต่เชื่อว่าน่าจะมีบุคคลอื่นอยู่ในที่เกิดเหตุ แต่จะต้องให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ และหากพบว่ามีบุคคลอื่นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อว่าตำรวจก็น่าจะดำเนินคดีกับทุกคน