ผู้พิพากษา ควน เมอร์ชาน แห่งศาลนิวยอร์ก นัดตัดสินลงโทษคดีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกตัดสินมีความผิดในคดีที่เรียกกันสั้น ๆ ว่าคดีปิดปาก ในวันที่ 10 มกราคมนี้ อันเป็นการปฏิเสธคำร้องจากทีมกฎหมายของทรัมป์ ที่ขอให้ศาลยกฟ้องคดีนี้ หลังจากทรัมป์กลายเป็นว่าที่ประธานาธิบดี แต่ผู้พิพากษาเมอร์ชาน ส่งสัญญาณว่า ไม่มีเจตนาจะตัดสินลงโทษจำคุก เนื่องจากอัยการเองก็ยอมรับว่า บทลงโทษดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ หลังทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนพฤศจิกายน การตัดสินให้ “ปล่อยตัวอย่างไม่มีเงื่อนไข” ( unconditional discharge) ซึ่งหมายถึง ไม่มีการควบคุมตัว ปรับ หรือภาคทัณฑ์ น่าจะเป็นทางออกเหมาะสมที่สุด โดยทรัมป์จะเข้ารับฟังคำพิพากษาลงโทษด้วยตัวเองหรือทางออนไลน์ก็ได้
คดีนี้มาจากการที่ทรัมป์ ปลอมแปลงข้อมูลทางการเงิน ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 เพื่อปกปิดค่าใช้จ่าย 130,000 ดอลลาร์ ที่ใช้ปิดปาก สตอร์มีย์ แดเนียลส์ อดีตดาราหนังผู้ใหญ่ เรื่องความสัมพันธ์ลับของทั้งสองในปี 2006 คณะลูกขุนมีคำตัดสินเมื่อเดือนพฤษภาคม ให้ทรัมป์มีความผิดรวม 34 กระทง แต่ทรัมป์หวังว่าคดีนี้จะตกไปหลังชนะเลือกตั้ง เหมือนกับหลายคดีที่ทรัมป์ตกเป็นจำเลย แล้วศาลเลื่อนไต่สวน หรือเลื่อนตัดสินอย่างไม่มีกำหนด
แม้ว่าทรัมป์จะไม่ถูกลงโทษไม่ว่าสถานใด แต่การพิพากษาจะเป็นการตอกย้ำว่า อเมริกากำลังจะมีประธานาธิบดีที่มีประวัติอาชญากรรมติดตัวเป็นครั้งแรก
สตีเวน เฉิง โฆษกของทรัมป์ ระบุในแถลงการณ์ว่า ทรัมป์จะต้องได้รับอนุญาตให้เดินหน้ากระบวนการเปลี่ยนผ่าน และปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญยิ่งของประธานาธิบดี โดยไม่มีสิ่งตกค้างจากการ “ล่าแม่มด” มาขัดขวาง ไม่ควรมีการพิพากษาลงโทษใด ๆ เกิดขึ้น และประธานาธิบดีทรัมป์จะต่อสู้กับคดีลวงโลกเหล่านี้ต่อไปจนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง
เดิม ศาลนัดตัดสินลงโทษทรัมป์ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน แต่ผู้พิพากษาเมอร์ชาน สั่งเลื่อนออกไปหลังจากทรัมป์ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อเปิดโอกาสให้ทนายจำเลยและฝ่ายโจทก์ ไตร่ตรองอนาคตของคดีนี้อีกครั้ง
ทนายของทรัมป์เรียกร้องให้ผู้พิพากษายกฟ้อง ไม่เช่นนั้น จะถือเป็นการก่อกวนความสามารถในการบริหารประเทศ และขัดรัฐธรรมนูญ แต่ผู้พิพากษาเมอร์ชาน เขียนคำโต้แย้ง 18 หน้า ว่า การเพิกเฉยต่อคำตัดสินของคณะลูกขุนต่างหาก ที่จะทำลายหลักนิติธรรมอย่างไม่สามารถคิดคำนวณได้ ทั้งยังยกคำตัดสินของศาลฎีกาที่ว่า ประธานาธิบดีมีสิทธิคุ้มกันจากการถูกดำเนินคดี หากเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยตำแหน่ง แต่ไม่ได้คุ้มกัน “ว่าที่ประธานาธิบดี” และเอกสิทธิคุ้มกันประธานาธิบดี กับความคาดหวังของสาธารณชนนั้น ถือว่ามีความเท่าเทียมกัน ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย
ผู้พิพากษา บอกด้วยว่า ไม่มีข้อห้ามทางกฎหมายที่จะพิพากษาโทษทรัมป์ และถือเป็นหน้าที่ของเขา ที่จะต้องตัดสินก่อนพิธีสาบานตนในวันที่ 20 มกราคม และว่า ผลประโยชน์แห่งความยุติธรรมจะบังเกิด ต่อเมื่อทำให้เรื่องนี้เป็นที่สิ้นสุดแล้วเท่านั้น
ทั้งนี้ โทษคดีปลอมแปลงเอกสารธุรกิจ มีโทษจำคุกสูงสุด 4 ปี แต่ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายคาดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งแล้ว ว่า ทรัมป์จะไม่ถูกจำคุก เพราะไม่เคยมีประวัติทำผิดมาก่อน ประกอบกับอายุมากแล้ว