อธิการบดี “ม.สยาม” แจงไม่เกี่ยวข้อง ปมอบรมอาสาตร.จีน เป็นบุคคลภายนอก จ่อลงโทษแจ้งเอาผิด

อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ตั้งโต๊ะแถลง แจงปมอบรมอาสาสมัครตำรวจจีน ยืนยันทางมหาวิทยาลัยสยามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เป็นบุคคลภายนอกที่ดำเนินการ ทำโดยพลการ จ่อลงโทษวินัย-แจ้งความอาญา

อธิการบดี “ม.สยาม” แจงไม่เกี่ยวข้อง ปมอบรมอาสาตร.จีน เป็นบุคคลภายนอก จ่อลงโทษแจ้งเอาผิด – Top News รายงาน

ม.สยาม

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2568 เวลา 15.00 น. ดร.พรชัย มงคลวนิช อธิการบดีมหาวิทยาลัยสยาม ร่วมกับผู้บริหารมหาวิทยาลัย ตั้งโต๊ะแถลงข่าว กรณี นักศึกษาจีนอบรมอาสาตำรวจ ที่ตึก 19 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 2 มหาวิทยาลัยสยาม

โดย ดร.พรชัย กล่าวถึงกรณีดังกล่าวที่มีการอ้างถึงมหาวิทยาลัยสยาม มีความร่วมมือกับสำนักงานสืบสวนกลาง กองบังคับการนครบาลภาค 3 โดยมีค่าใช้จ่ายต่อหัวคนละ 38,000 บาท ว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสของมหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่า เป็นผู้เสียหายในการแถลงเรื่องดังกล่าว เมื่อทราบเรื่องดังกล่าว มหาวิทยาลัยได้มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมามหาวิทยาลัย เคยดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และการช่วยเหลือประชาชนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือตำรวจจราจร ตำรวจกับอินเทอร์เน็ต ซึ่งเรื่องต่างๆ ที่ดำเนินการมาไม่เคยมีปัญหา เนื่องจากทำไปตามขั้นตอน แต่ครั้งนี้ มีปัญหา เพราะมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งกรรมการฯได้เริ่มสอบสวนตั้งแต่วันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องมาร่วมสอบสวน

ดร.พรชัย ยังกล่าวถึงผลการสอบสวน ปรากฎว่า 1.การอบรมหลักสูตรอาสาสมัครตำรวจบ้านที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวเป็นโครงการที่จัดทำขึ้นโดยบุคคลภายนอกที่รู้จักฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องภายนอกในการจัดทำ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจของกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 โดยมี ดร.หลี่ จาง (Dr.LI ZHANG) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนานาชาติ มหาวิทยาลัยสยาม เป็นผู้อำนวยความสะดวกในการจัดอบรม เพื่อให้ความรู้ด้านการป้องกันอาชญากรรมและการดูแลตนเองแก่นักศึกษาจีนและบุคลากรของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวไม่ได้เสนอขออนุมัติจากอธิการบดีมหาวิทยาลัยสยามแต่อย่างใด

และจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง การจัดอบรมที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ จัดขึ้นระหว่างวันที่25-27 ธันวาคม 2567 โดยในวันที่25 ธันวาคม 2567 มีการเปิดอบรมที่ห้องเรียน 1006 อาคาร 12 มหาวิทยาลัยสยาม ซึ่งการเปิดอบรมดังกล่าวไม่ได้เสนอขออนุมัติใช้สถานที่จากมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด สำหรับในวันที่ 26-27 ธันวาคม 2567 เป็นการอบรมนอกสถานที่ มิได้มีการอบรมในมหาวิทยาลัย และการไปอบรมนอกสถานที่ดังกล่าว นักศึกษาจีนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เสนอขออนุมัติเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวจากมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ ดร.พรชัย ยังกล่าวถึง หนังสือขอความร่วมมือในการจัดทำโครงการดังกล่าวไปยังผู้กำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 เป็นหนังสือที่ร่างและจัดทำขึ้นมาจากบุคคลภายนอก แต่มีการลงนามโดย ดร.หลี่ จาง (Dr.LI ZHANG) นั้น เป็นการใช้ตำแหน่งที่มิได้แต่งตั้งเป็นทางการตามคำสั่งของมหาวิทยาลัย และผู้ลงนามได้ลงนามไปโดยพละการไม่ได้เสนอขออนุมัติจากมหาวิทยาลัยก่อน อีกทั้งหนังสือดังกล่าวก็ไม่ได้ดำเนินการผ่านระบบสารบรรณของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด

ต่อมา กองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้มีหนังสือตอบรับไปยัง Dr.Li ZHANG เพื่อจัดส่งวิทยากรไปร่วมโครงการด้วย ซึ่งถ้าดูจากจดหมายเชิญเหล่านั้นจะเห็นได้ว่ามีลักษณะที่ไม่ปกติ ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่มหาวิทยาลัย หรือ ชื่อมหาวิทยาลัยที่ใช้คำว่ามหาลัย และผู้ที่ลงนามไม่ได้เป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายจากอธิการบดีหรือผู้บริหารแต่อย่างใด

สำหรับการเก็บเงินค่าลงทะเบียนเข้าร่วมอบรม จำนวน 38,000 บาท ตามที่เป็นข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ นั้น Dr.Li ZHANG ยืนยันว่านักศึกษาจีนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมการอบรมทั้งหมด ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนแต่อย่างใด ประกอบคำยืนยันจากการสัมภาษณ์นักศึกษาจีน และ บุคลากรประจำของมหาวิทยาลัยที่เข้าร่วมการอบรมดังกล่าว

ส่วนการเก็บเงินค่าลงทะเบียนจาก บุคคลภายนอกที่เข้าร่วมการอบรมดังกล่าวด้วยนั้น Dr.Li ZHANG แจ้งว่าไม่ได้รับทราบมาก่อน เป็นการดำเนินการของบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย และเงินดังกล่าวก็มิได้เข้ามาในระบบการเงินของมหาวิทยาลัยแต่อย่างใด อีกทั้งมหาวิทยาลัยไม่ได้มีการจ่ายเงินให้แก่วิทยากรและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของกิจกรรม ที่จัดขึ้น

ส่วนเรื่องการติดต่อประสานงานเกี่ยวกับกิจกรรมตามโครงการ ตลอดจนการมอบประกาศนียบัตร การเตรียมอุปกรณ์เพื่อแจกให้กับผู้เข้าร่วมโครงการ เช่น หมวก เสื้อกั๊ก ป้ายคล้องคอ Dr.Li ZHANG แจ้งว่า บุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด

 

กรณีนี้มหาวิทยาลัยสยาม ต้องถือว่า เป็นผู้เสียหายด้วย เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินการ แต่เป็นการดำเนินการโดยพลการของบุคลากรมหาวิทยาลัยร่วมกับบุคคลภายนอก ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก จากนี้มหาวิทยาลัยจะดำเนินการทางวินัย และลงโทษบุคลากรตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัย ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2563 และจะดำเนินการทางกฎหมายกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในการแอบอ้างชื่อมหาวิทยาลัยสยามโดยมิชอบ ตามพ.ร.บ.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน พ.ศ.2546 และจะวางมาตรการในการป้องกันต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แฟนสาว เคลื่อนไหวล่าสุด โพสต์เวยป๋อ หลังมีข่าว "ซิงซิง" ถึงไทย
"นิพนธ์" พบปะขรก.ท้องถิ่นอบจ.สงขลา ชื่นมื่น ย้ำฝากทำงานซื่อสัตย์ ยันหนุนกระจายอำนาจ นำพัฒนาชุมชนเข้มแข็ง
“เอกนัฏ” ลั่น “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ไปต่อ 100% มั่นใจกวาด สส.ได้เพิ่มขึ้น
เปิดภาพล่าสุด จนท.ไทย ได้ตัว “ซิงซิง” แล้ว รับตัวจากชายแดน ช่องทางธรรมชาติ เจ้าตัวปลอดภัยดี
ศาลเกาหลีใต้ออกหมายจับปธน.ยุนรอบสอง
ลาวเปิด ‘พิพิธภัณฑ์’ ใหญ่สุดในประเทศ
“คลัง” ปลุกพลัง-ติดปีก SME ออก 2 Soft loan 2 หมื่นล้าน ดอกเบี้ย 3% ผ่าน SME Bank
พาชิมคาเฟ่สัตว์เลี้ยงเมืองโคราชนราเศรษฐ์บรรยากาศดีช่วงหน้าหนาวนี้พร้อมชมและร่วมให้อาหารสัตว์กว่า 10 ชนิด
รัสเซียอ้างยึดเมืองคูราคอฟ
ผู้นำยุโรปฟาด อีลอน มัสก์ จุ้นเรื่องภายใน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น