เปิดราคาขาย คอนโดกม.11 ถูกสุด 1.76 ล้านบาท
จากรายงานการศึกษา ของ SRTA ระบุว่า โครงการบ้านเพื่อคนไทย มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอัตราการมีที่อยู่อาศัยของคนไทย ที่ปัจจุบันประเทศไทยประสบปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ทำให้คนไทยมีกำลังซื้อลดลงลง รวมถึงโอกาสในการครอบครองที่อยู่อาศัย โดยมุ่งกลุ่มช่วงวัยเริ่มทำงาน กลุ่มวัยทำงาน Gen X และ Gen Y ที่ถือเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนประเทศ
ตามผลศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ที่ปรึกษาโครงการ พิจารณาปัจจัยความพร้อมในการพัฒนาพื้นที่เป้าหมาย ระยะที่ 1 ได้แก่
1.พื้นที่บางซื่อ กม. 11 เขตจตุจักร ซอยวิภาวดี 11 ติดถนนกำแพงเพชร ห่างจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 2.5 กม. / 10 นาที , ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าว 500 เมตร / 5 นาที ,ห่างจาก MRT พหลโยธิน 500 เมตร / 5 นาที
มีขนาดที่ดิน 15 ไร่ 1 งาน 11 ตารางวา หรือ 6,111 ตารางวา ( 24,445.75 ตารางเมตร) ราคาประเมินที่ดินกรมธนารักษ์ 51,000 บาทต่อตารางวา โดยบริเวณใกล้เคียงราคาขายห้องชุดเฉลี่ย 137,375 บาทต่อตารางเมตร
แบ่งเป็น 2 แปลง โดยแปลงที่ 1 เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 54.6 89 ตารางวา ( 4,218.756 ตารางเมตร) แปลงที่ 2 เนื้อที่ 12 ไร่ 2 งาน 56.8 ตารางวา ( 22,227 ตารางเมตร) รูปแบบพัฒนาเป็น คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 3 อาคาร จำนวนประมาณ 1,232 ยูนิต โดยมีขนาดห้อง 4 แบบ แบ่งเป็น แบบ A ขนาด 30 ตร.ม.ราคาขาย 1.76 ล้านบาท
แบบ B ขนาด 40 ตร.ม. ราคาขาย 2.36 ล้านบาท
แบบ C ขนาด 45 ตร.ม. ราคาขาย 2.65 ล้านบาท
แบบ D ขนาด 50 ตร.ม. ราคาขาย 3.00 ล้านบาท
2.พื้นที่เชียงใหม่ ติดสถานีรถไฟเชียงใหม่ ติด ถ.เจริญเมือง ถ.ทุ่งโฮเต็ล ห่างจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย 2.5 กม. / 6 นาที ,ห่างจากมหาวิทยาลัยพายัพ 2.6 กม./5 นาที, ห่างจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 7.5 กม./ 15 นาที ,ห่างจากถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ 1.3 กม./5 นาที
มีขนาดที่ดิน 7 ไร่ 1 งาน 26 ตารางวา หรือ 2,926 ตารางวา( 11,705 ตารางเมตร) ราคาประเมินที่ดินกรมธนารักษ์ 17,000 บาทต่อตารางวา โดยบริเวณใกล้เคียงราคาขายบ้านเฉลี่ย 54,000 บาทต่อตารางเมตร รูปแบบการพัฒนา เป็นอาคารชุด จำนวน 720 ห้อง ราคาขาย 1.50 ล้านบาทต่อห้อง
3.พื้นที่เชียงราก จ.ปทุมธานี ใกล้ถ.เลียบคลองเปรมประชากร ห่างจากสถานีรถไฟเชียงราก 4.4 กม./ 10 นาที, ห่างจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 4.4 กม./ 10 นาที, ห่างจากโรงพยาบาลธรรมศษสตร์เฉลิมพระเกียรติ 4.4 กม./ 10 นาที, ห่างจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 9 กม./20 นาที
มีขนาดที่ดิน 18 ไร่ 19 ตารางวา หรือ 7,229 ตาราวา (28,880 ตารางเมตร) ราคาประเมินที่ดินกรมธนารักษ์ 5,800 บาทต่อตารางวา โดยบริเวณใกล้เคียงราคาขายห้องชุดเฉลี่ย 63,403 บาทต่อตารางเมตร รูปแบบพัฒนาเป็นอาคารชุด จำนวน 1,795 ห้อง ราคาขาย 1.34 ล้านบาทต่อห้อง
4. พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช) ตรงข้ามตลาดศาลาน้ำร้อน ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีส้ม 800 เมตร มีขนาดที่ดินประมาณ 23 ไร่ แต่เนื่องจากพื้นที่ยังมีบ้านพักพนักงานรถไฟ ประมาณ 300 ครัวเรือน ต้องศึกษาเพิ่มเติม วางรูปแบบอาคารชุด จำนวน 2,100 ห้อง ยังไม่มีราคาขาย
คาดลงทุนเฟสแรกกว่า 4.6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ในการศึกษาของ SRTA ระบุอีกว่าจะเน้นการออกแบบก่อสร้างที่ใช้เทคนิคที่ไม่ซับซ้อน เพื่อลดต้นทุนและเวลา โดยเน้นรูปแบบก่อสร้างแบบสำเร็จรูป เป็นการก่อสร้างแบบแยกส่วน ผลิตสำเร็จรูปจากโรงงาน เพื่อความรวดเร็ว โดยเน้นคุณภาพและมีระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน
โดยคาดการณ์รายได้โครงการจาก 3 ส่วน ได้แก่ รายได้จากการขายสิทธิ์ระยะยาว ,ค่าส่วนกลางระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 ปี ,ค่าซ่อมบำรุงตามกำหนด 30 ปี
ส่วนประมาณการต้นทุนโครงการ ใน 3 พื้นที่นำร่อง รวมประมาณ 4,685 ล้านบาท ได้แก่ ค่าเช่าพื้นที่จากรฟท. ประมาณ 100 ล้านบาท ,ค่าลงทุนช่วงเตรียมโครงการ ประมาณ 260.9 ล้านบาท ,ค่าก่อสร้างประมาณ 3,459 ล้านบาท ,ค่าใช้จ่ายระหว่างดำเนินโครงการ ประมาณ 864 ล้านบาท
โดยมีธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงการและให้สินเชื่อกับประชาชน ดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี โดยคำนวนราคาผ่อนเดือนละ 4,000 บาท ระยะเวลาผ่อน 30 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1 ล้านบาท , ระยะเวลาผ่อน 40 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท , ระยะเวลาผ่อน 50 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.4 ล้านบาท
กางไทม์ไลน์-เงื่อนไขผู้มีสิทธิ์
สำหรับแผนการดำเนินงานที่ SRTA กำหนดวางไทม์ไลน์ไว้ดังนี้ เสนอครม.อนุมัติโครงการเดือนม.ค. 2568 ,เปิดตัวสำนักงานขายและเปิดลงทะเบียนจอง วันที่ 20 ม.ค. 2568 , ก่อสร้างโครงการนำร่อง เดือนก.พ. 2568 , โอนโครงการนำร่อง 189 หน่วย เดือนธ.ค. 2568 , โอนโครงการนำร่อง 4,011 หน่วย เดือนมิ.ย. 2569 , โอน 15,994 หน่วย เดือนธ.ค. 2569 , โอน 15,994 หน่วย ภายในปี 2570
ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์จองบ้านเพื่อคนไทย มีการวางเงื่อนไขเบื้องต้น เช่น เป็นคนไทย บรรลุนิติภาวะ เป็นบ้านหลังแรก มีรายได้ ไม่เกิน 50,000 บาท เป็นต้น
โดยขณะนี้ SRTA อยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงพื้นที่ภายในอาคารสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ทำเป็นสำนักงานขายและแสดงห้องตัวอย่าง เพื่อให้ทันการเปิดตัว วันที่ 20 ม.ค. 2568 โดยใช้งบประมาณ จำนวน 4.998 ล้านบาท
ด้านพันตำรวจเอก ศุภกร ศุภศิณเจริญ กรรมการบริษัท รักษาการในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ SRTA กล่าวว่า SRTA ในฐานะบริษัทลูกที่รฟท.ถือหุ้น 100% ได้สิทธิ์ในการนำที่ดินของรฟท. มาพัฒนา หาผู้เช่า ซึ่งเป็นไปตามมติครม. โดยโครงการบ้านเพื่อคนไทยนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาลและครม.ได้มีมติรับทราบหลักการแล้ว ขณะนี้เหลือขั้นตอน ทางเอกสารการเช่า เพราะที่ดินยังถือเป็นกรรมสิทธิ์รฟท. มีSRTA เป็นผู้ทำงานแทน และจะนำเสนอครม.อนุมัติโครงการในเร็วๆนี้
ส่วนวันที่ 20 ม.ค. 2568 จะมีการเปิดตัวสำนักงานขาย โดยมีห้องและ บ้านตัวอย่างมาจัดแสดง ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมเปิดรายละเอียดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์จอง และให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนจองโครงการนำร่อง พื้นที่ กม.11 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ผู้ที่มีสิทธิ์จะได้รับอนุมัติหรือไม่ ต้องพิจารณาคุณสมบัติตามเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อที่ธอส.กำหนดด้วย
“เรื่องเงินลงทุนโครงการ ทางกระทรวงคลังมีกลกลทางการเงินที่บริหารจัดการได้ รวมถึงการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ที่จะจัดงบกลางให้ดำเนินการ เพื่อให้โครงการเดินหน้าตามนโยบายรัฐบาล และเป็นที่อยู่อาศัยที่ราคาถูก แต่มีคุณภาพ”พันตำรวจเอกศุภกรกล่าว
ผลการศึกษาของ SRTA เผยว่า โครงการนี้จะทำให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพ ในราคาถูก โดยมีเป้าหมายที่ 1 แสนหน่วย/ครอบครัว เท่ากับ รองรับประชากรกว่า 2 แสนคน ทำเลติดรถไฟ รถไฟฟ้า และมีระบบขนส่งมวลชน เดินทางสะดวก ประหยัดลดค่าครองชีพได้ประมาณ 4,000 บาท/คน/เดือน สามารถกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจราว 800 ล้านบาท/เดือน
สำหรับโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” มีหลักเกณฑ์และรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
– บ้านดี ไม่ต้องดาวน์ ผ่อนน้อย อยู่ได้ 99 ปี ใกล้รถไฟฟ้า
– บ้านราคาประหยัดคุณภาพสูง (ให้สิทธิ์คนไทย ที่ไม่เคยมีบ้านมาก่อน)
– ผ่อนเริ่มต้น 4,000 ต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี
– เริ่มต้นประมาณ 30 ตารางเมตร
– กระจายตัวไปกับ การเจริญเติบโตของเมือง
– มีห้องน้ำ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค ระบบรักษาความปลอดภัย
– คนเริ่มทํางานก็สามารถมีสิทธิ์ได้
– ถ้าจ่ายครบยอด ได้สิทธิคือครอง 99 ปี
ทั้งนี้จะมีการเปิดตัวบ้านตัวอย่างในวันที่ 20 มกราคมนี้ ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จากนั้นจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนจับจองได้ เริ่มต้น 4 แห่ง ประกอบด้วย ย่านบางนา, ธนบุรี, เชียงราก และเชียงใหม่ ประมาณ 1,000 ยูนิต ทั้งนี้เจ้าของผู้จับจองต้องอาศัยอยู่อย่างน้อย 5 ปี ถึงจะโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้อื่นอาศัยต่อ
โดยก่อนหน้านี้ ครม. มีมติรับทราบโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ใช้ที่รัฐ บางซื่อ-เชียงราก-เชียงใหม่ สร้างคอนโดราคาถูกให้ประชาชน พื้นที่สร้างคัดเลือกแล้ว รวม 700.14 ไร่ โดยการพัฒนาโครงการบ้านเพื่อคนไทย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
1. ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2567 – 2568) โครงการบ้านเพื่อคนไทยสำหรับโครงการนำร่อง แบ่งออกเป็น 2 ระยะ
– ระยะที่ 1 โครงการอาคารชุด 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราก บางซื่อ กม. 11
– ระยะที่ 2 โครงการบ้านพัก 3 พื้นที่ ได้แก่ เชียงใหม่ กาญจนบุรี และนครราชสีมา
2. ระยะสั้น (พ.ศ. 2569-2571) มี 22 โครงการ
3. ระยะกลาง (พ.ศ. 2572-2576) มี 87 โครงการ