หลังจากเดินหน้ารุกหนักทางตะวันออกของยูเครนมานานหลายเดือน กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงผ่านเทเลแกรม เมื่อวานนี้ (6 มกราคม) ว่า กองทัพรัสเซียสามารถยึด คูราคอฟ ชุมชนใหญ่ที่สุดทางตะวันตกเฉียงใต้ของดอนบาสได้สำเร็จ พร้อมระบุว่า เมืองที่ถือเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์สำคัญแห่งนี้ จะเอื้อต่อการยึดดินแดนที่เหลือของแคว้นโดเนตสก์ได้ “ในอัตราเร่ง”
การประกาศอ้างความสำเร็จยึดเมืองคูราคอฟ และการเดินหน้ารุกคืบทางตะวันออกอย่างไม่ลดละ ถือเป็นแรงกระตุ้นอย่างสำคัญสำหรับกองทัพรัสเซีย ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็พยายามทำให้ตนเองอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบในสนามรบ ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึงสองสัปดาห์ ก่อนโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และคาดว่าจะมีการเจรจาทำความตกลงยุติสงครามกันหลังจากนั้น
คำกล่าวของรัสเซียมีขึ้น หลังจากยูเครนเองก็เพิ่งเปิดปฏิบัติการรุกครั้งใหม่ในคูสค์ แคว้นทางตะวันตกของรัสเซียที่อยู่ติดชายแดนยูเครนเมื่อสุดสัปดาห์ มิไคโล ดราปาตี ( Mykhailo Drapaty) ผู้บัญชาการกองกำลังภาคพื้นดินยูเครน บอกสื่อในวันเดียวกัน ว่า เรามั่นใจจะสร้างความสูญเสียให้กับรัสเซียได้ในคูสค์ โดยไม่ได้ขยายความ และปฏิเสธแสดงความเห็นเรื่องสถานะเมืองคูราคอฟ โดยบอกว่าไม่ใช่พื้นทีที่เขาเชี่ยวชาญ
คูราคอฟ เคยมีประชากรก่อนเกิดสงครามราว 2 หมื่น 2 พันคน ตั้งอยู่ใกล้กับอ่างเก็บน้ำ และมีโรงไฟฟ้าอยู่ 1 แห่ง ผู้สื่อข่าว AFP ที่ไปเยือนเมืองนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน พบเห็นบ้านร้าง บ้านที่พังทลายจากระเบิด ซูเปอร์มาร์เก็ตที่ชั้นวางของว่างเปล่า เนื่องจากชาวบ้านพากันอพยพหลบหนีการรุกของรัสเซียและการถล่มโจมตีทุกวัน
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ระบุว่า กองทัพยูเครน เปลี่ยนคูราคอฟ จนกลายเป็นป้อมปราการแข็งแกร่ง หลังพัฒนาเครือข่ายตำแหน่งการยิง และระบบการสื่อสารใต้ดินแบบปักหลักยาว จึงเชื่อว่า การยึดคูราคอฟได้ จะกระทบการส่งกำลังบำรุงของยูเครนในวงกว้าง ขณะที่กองทัพยูเครนไม่ยืนคำกล่าวอ้างนี้ โดยบอกในวันเดียวกันว่า ทหารยูเครนขับไล่การโจมตีของรัสเซีย 27 ครั้งในเขตเมืองของคูราคอฟ
ในวันเดียวกัน กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ยังอ้างด้วยว่า กองทัพสามารถยึดหมู่บ้าน “ดาเชนสเก” (Dachenske) ทางใต้ของเมือง โปครอฟสก์ เมืองใหญ่อีกแห่งหนึ่งในโดเนตสก์ ที่รัสเซียพยายามยึดให้ได้
การยึดคูราคอฟ เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสงครามที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี ทรัมป์สัญญาว่าจะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนแบบฉับไว โดยยังไม่มีข้อเสนอเป็นรูปธรรมว่าจะทำได้อย่างไร ขณะที่ประธานาธิบดี เอ็มมานูแอล มาครงแห่งฝรั่งเศส กล่าวล่าสุดว่า ยูเครนจำเป็นต้องเปิดการหารือและ “คาดหวังอย่างคำนึงความเป็นจริง”ในเรื่องของดินแดน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ผู้นำฝรั่งเศส เรียกร้องอย่างชัดเจน ให้ยูเครนพิจารณายอมถอยเรื่องดินแดนที่เสียไป