สุดช้ำ “หญิงชาวเขา” ป่วยมะเร็ง ถูกหลอกกู้เงินธนาคารเกือบ 3 แสน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ

"หญิงชาวเขา" ป่วยเป็นโรคมะเร็งสุดช้ำ ถูกหลอกลวงให้กู้เงินจากธนาคารจนเป็นหนี้เกือบ 3 แสนบาท วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ

สุดช้ำ “หญิงชาวเขา” ป่วยมะเร็ง ถูกหลอกกู้เงินธนาคารเกือบ 3 แสน วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือ – Top News รายงาน

 

หญิงชาวเขา

เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2568 มีรายงานว่า ตัวแทนจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ฯ เข้าตรวจสอบเอกสารพร้อมสอบถามรายละเอียดจาก นายจันทร์ (นามสมมุติ) อายุ 64 ปี และนางมี (นามสมมุติ) อายุ 57 ปี ชาวบ้านสบห้วยฟาน ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือด้านข้อกฎหมาย หลังญาติของ นายจันทร์ และ นางมี ประสานขอความช่วยเหลือ โดยระบุว่า นางมี ถูกหลอกให้เซ็นเอกสารกู้เงินจากธนาคารแห่งหนึ่ง สาขาอำเภอสะเมิง เมื่อปี 2552 จนปัจจุบันเป็นหนี้สะสมรวมทั้งสิ้น 279,861.50 บาท

โดย นางมี เล่าว่า ตนกับสามีอ่านหนังสือไม่ออก อาศัยอยู่ลูกที่สติไม่สมประกอบ ส่วนลูกอีก 2 คนไปทำงานที่ต่างจังหวัด โดยเมื่อปี 2552 สามีของตนพร้อมกลุ่มเพื่อนรวม 5 คน ได้ไปขอสินเชื่อจากธนาคารแห่งหนึ่ง ลักษณะเป็นสมาชิกกู้เงินโดยค้ำประกันซึ่งกันและกัน โดยตอนนั้นสามีของตนเป็นหนี้ธนาคาร 2 หมื่นบาท แต่พอถึงกำหนดชำระหนี้ สามีของตนไม่มีเงิน หัวหน้ากลุ่มจึงเสนอว่าจะจ่ายเงินชำระหนี้ให้สามีของตน หลังจ่ายหนี้หมดแล้ว สามีตนจึงไปขอกู้เงินจากธนาคารอีก 3 หมื่นบาท เพื่อนำไปคืนเงินให้กับหัวหน้ากลุ่มจำนวน 2 หมื่นกว่าบาทรวมดอกเบี้ย

หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน หัวหน้ากลุ่มมาที่บ้านแล้วพูดคุยกับสามี โดยอ้างเรื่องที่เคยช่วยเหลือ พร้อมบอกว่าได้ตัดชื่อสามีของตนออกจากการเป็นสมาชิก แล้วให้ตนเป็นสมาชิกแทน จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ธนาคาร ธกส.มาที่บ้านของตน ก่อนให้ตนนำทะเบียนบ้าน และบัตรประจำตัวประชาชน มาทำสำเนาเปิดบัญชีธนาคารจำนวน 200 บาท ตอนนั้นตนบอกว่าไม่มีเงิน แต่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกว่าไม่เป็นไร

ข่าวที่น่าสนใจ

ผ่านไปประมาณ 2-3 วัน เจ้าหน้าที่ธนาคาร มาขอให้เซ็นเอกสารกู้เงิน ซึ่งตนปฏิเสธไป แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารกลับมาอีก โดยอ้างว่าจะให้เงินกู้เงินจำนวน 5,000 บาท โดยให้ตนเซ็นเอกสารแล้วไปรับเงินในวันศุกร์ ตนจึงยอมเซ็นต์เอกสาร ก่อนไปรับเงินตามเจ้าหน้าที่บอกแต่ก็ไม่ได้เงิน จากนั้นตนไม่ได้สนใจอะไร กระทั่งปี 2556 ตนป่วยเป็นโรคมะเร็งต้องเข้ารับการผ่าตัด และต้องพักฟื้นอยู่นานหลายปี จนปี 2561 มีคนเอาสมุดบัญชีธนาคารมาให้ตน 3 เล่มแล้วบอกว่าตนเป็นหนี้ธนาคาร 150,000 บาท

ตอนนั้นตนตกใจมากจึงเดินทางไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม ที่ศูนย์ดำรงธรรม อ.สะเมิง แต่ไม่มีความคืบหน้า ระหว่างนั้นตนได้รับหนังสือแจ้งหนี้จากทางธนาคารหลายครั้ง ตนร้อนใจจึงไปร้องทุกข์ที่ อบต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง ซึ่งทาง อบต.ส่งเรื่องไปยังสำนักงานยุติธรรม จ.เชียงใหม่ ต่อมาวันที่ 14 พ.ค.2564 ตนเดินทางไปที่สำนักงานยุติธรรม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ยังไม่มีการฟ้องร้องจากธนาคาร และหลังจากนี้ไม่ต้องไปเซ็นเอกสารใดๆ จากธนาคารอีก ต่อมาตนได้รับแจ้งหนี้จึงเดินทางไปที่ธนาคารเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ต้องมาแล้ว พร้อมขับไล่ให้ออกจากธนาคาร

” ไม่ต้องมาแล้ว ไปๆๆ ไม่ต้องปรึกษาใคร ไม่ต้องบอกใคร ถ้ามีปัญหา มาหาผม ผมจะแทงหนี้ศูนย์ ตอนนั้นพ่อหลวงไปด้วยมันว่าผีบ้า ผมบอกแล้วไงว่าถ้าจดหมายมาให้ฉีกเลย ฉีกไม่ไหวแล้วผมจะฉีกช่วย โอ้ยรำคาญ เขาว่า ไปๆๆ   อยากฝากอะไรไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ไหม  ก็อยากให้ผู้หลักผู้ใหญ่มาดูแล คนที่เอานั่นแหละ   ที่ใช้ชื่อ   ใช้ชื่อ เค้าให้เอาชื่อนั่นแหละ เครียดนะแต่ว่ากลัวนี่ไม่กลัวนะ ถ้ากลับแทบตายคือการโยงไปหาลูก ถ้าเอาหนี้ออกแล้วสบายใจ   พอเห็นเอกสารแล้วนอนไม่หลับ   ถ้าจดหมายมานอนไม่หลับ   แม่ยืนยันไหมว่าเงินไม่ได้ใช้สักบาท  ไม่ได้ใช้สักบาท บาทเดียวก็ไม่ได้ใช้ ไม่รู้เรื่องเลย”

นางมี บอกอีกว่า ต่อมาปี 2567 ตนได้รับการติดต่อจากธนาคาร โดยยื่นเงื่อนไงให้ตนไปเซ็นเอกสาร โดยหากยอมเซ็นก็จะทำให้หนี้กลายเป็นศูนย์ แต่ตนปฏิเสธ ล่าสุดเมื่อเดือน มิ.ย.2567 มีหนังสือจากธนาคารแจ้งว่า ตนมีหนี้สินรวมดอกเบี้ยทั้งหมด 279,861.50 บาท ทำให้ตนกับสามีไม่สบายใจเพราะอายุมากแล้ว แถมยังต้องดูแลลูกที่สติไม่สมประกอบ ส่วนรายได้มาจากการทำไร่ทำสวนและทอผ้า จึงไม่มีปัญญาจะหาเงินไปใช้หนี้ก้อนใหญ่ได้ และเกรงว่าหากตนและสามีจากโลกนี้ไปก็จะทิ้งภาระหนี้ให้กับลูกทั้ง 3 คน

ด้าน นายท็อป ลูกของนางมี กล่าวว่า หลังทราบเรื่องตนจึงพยายามช่วยแม่ เมื่อทำกากตรวจสอบบัญชีธนาคารทั้ง 3 เล่มพบว่า สมุดเล่มแรกรระบุว่า วันที่ 23 มี.ค.2552 มีการฝากเพื่อเงินเปิดบัญชี 200 บาท ต่อมาวันที่ 19 พ.ค.2552 มีเงินเข้าบัญชี 150,000 บาท ก่อนที่จะมีการถอนเงินออกไป 150,000 จากนั้นมีการฝากเงินบัญชี 2,000 บาทในวันเดียวกันแต่ไม่มีรายละเอียด ส่วนบัญชีธนาคารเล่มที่ 2 และเล่มที่ 3 พบเงินฝากเข้าบัญชีครั้งละ 3-4 พันบาทก่อนที่จะมีการถอนออกไปเงินทันที กระทั่งช่วงหลังไม่มีการฝากเงินเข้าบัญชี ก่อนที่ธนาคารจะส่งหนังสือแจ้งหนี้มาให้แม่

หลังแม่รู้ว่าเป็นหนี้ธนาคาร แม่ไม่ได้นิ่งนอนใจพยายามติดต่อธนาคารหลายครั้งแต่กลับถูกขับไล่จนแม่เกิดความเครียดถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ จากนั้นแม่พยายามไปขอความเป็นธรรมจากหลายหน่วยงานแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ทำให้ตนและคนในครอบวิตกกังวลเป็นอย่างมาก ประกอบกับตนทำงานอยู่ไกลจึงเป็นห่วงสุขภาพของแม่ โดยเกรงว่าจะล้มป่วยหนักลงไปกว่าเดิม และถ้าหากแม่มีอันเป็นไปภาระหนี้สินก็จะตกมาถึงลูกทั้ง 3 คน จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือครอบครัวของตนด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

นายกฯ ย้ำคุมเข้มมาตรการ ป้องกันก่ออาชญากรรมในไทย ชี้ต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก
ตร.ตามรวบ "หนุ่มใหญ่" คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาว หนีหมายจับนานกว่า 17 ปี
สลด เพจดังเปิดภาพ คนไทยตกตึก 18 ชั้น ปอยเปต ที่ตั้งกาสิโน-แก๊งคอลเซ็นเตอร์
เช้านี้กทม.จมฝุ่น PM 2.5 ค่าสูงเกินมาตรฐาน 70 พื้นที่ หนองแขมยังวิกฤต
"พิชัย" หารือ "ทูตอินเดีย" ลดอุปสรรคขยายการค้า ลงทุน 2 ประเทศ หวังยกระดับเจรจา JTC เพิ่มมูลค่าศก.
เหนือ-อีสาน อากาศหนาว มีหมอกตอนเช้า ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางพื้นที่ กทม.เย็นต่ำสุด 20 องศา
"สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ" ชูทางออกเจรจานำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ดันดุลการค้าสหรัฐฯ ทดแทนแนวคิดนำเข้าหมู
เปิดภาพแรก “บอสแซม” หลังได้คืนอิสรภาพ โผเข้ากอดครอบครัว ปัดตอบคำถามสื่อ
จับแล้ว "จ่าเอ็ม" อดีตทหารเรือ มือสังหาร "อดีต สส.กัมพูชา" เสียชีวิต
“มิน พีชญา” เปิดใจครั้งแรก หลังได้รับอิสรภาพ ลั่นขอเวลาพักฟื้นดูแลตัวเอง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น