ในการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันที่ 8 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดี คลอเดีย ไชน์บาว์ม แห่งเม็กซิโก ยืนอยู่หน้าแผ่นที่โลกในศตวรรษที่ 17 ก่อนเสนอให้เปลี่ยนชื่อทวีป อเมริกาเหนือ เป็น “อเมริกา เม็กซิกานา” หรือ “เม็กซิกัน อเมริกานา” เพราะในเอกสารเมื่อ 211 ปีก่อน ( ปี ค.ศ.1814 ) ที่มีมาก่อนรัฐธรรมนูญเม็กซิโก เอ่ยชื่อภูมิภาคดังกล่าวไว้เช่นนั้น ไชน์บาว์ม กล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันว่า “ฟังดูดีนะ ว่ามั้ย” จากนั้น เธอชี้ว่า แอ่งมหาสมุทรที่มีขอบเขตติดกับชายฝั่งสหรัฐฯ รัฐทางตะวันออกของเม็กซิโก และเกาะคิวบา ถูกเรียกขานว่าอ่าวเม็กซิโก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1607 และได้รับการรับรองจากสหประชาชาติ
คำล้อเลียนและประชดประชันของผู้นำหญิงเม็กซิโก เพื่อตอบโต้โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เสนอให้เปลี่ยนชื่อ อ่าวเม็กซิโก เป็น อ่าวอเมริกา และ ส.ส.รีพับลิกันก็รับลูก เตรียมเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาแล้ว
ไชน์บาว์ม กล่าวว่า ทรัมป์พูดเรื่องชื่อ เราก็กำลังพูดเรื่องชื่อเหมือนกัน ทั้งยังโต้ทรัมป์ที่อ้างว่า เม็กซิโกอยู่ภายใต้การปกครองของแก๊งยาเสพติด ว่า คนที่ปกครองเม็กซิโกคือประชาชน แต่ยืนยันว่า เธอเองคาดหวังจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่สหรัฐฯ
การโต้ตอบเรื่องชื่ออ่าว หรือทวีป เป็นแค่ส่วนเดียวของคำถามใหญ่กว่านั้นมากมาย เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทวิภาคีของสองประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ว่า ผู้นำหญิงคนแรกของเม็กซิโก จะรับมืออย่างไร กับการทูตของทรัมป์ การเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมายครั้งใหญ่ และการเก็บภาษีสินค้าเม็กซิโก
เอพี รายงานว่า อันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ผู้นำเม็กซิโกเอียงซ้ายคนก่อน และเป็นผู้ให้คำแนะนำทางการเมืองของไชน์บาว์ม มากับกระแสประชานิยมเหมือนกับทรัมป์ และสามารถสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับทรัมป์ได้ รัฐบาลของโลเปซ โบราดอร์ สกัดผู้ลักลอบข้ามพรมแดนทางเหนือภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ และทำให้ทรัมป์ได้คะแนนนิยม แต่ไม่ชัดเจนว่า ไชน์บาว์ม ที่มีปูมหลังเป็นนักวิทยาศาสตร์ และเป็นนักการเมืองเอียงซ้ายที่ไม่ได้มีกระแสประชานิยมสนับสนุนเหมือนกับผู้นำคนก่อน จะสามารถสร้างสัมพันธภาพ ในระดับเดียวกับที่ผู้นำคนก่อนทำได้หรือไม่
มุกตลกที่เธอใช้เมื่อวันพุธ ซึ่งถูกแชร์บนสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว ยังอาจเป็นตัวชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับเม็กซิโก จะเป็นไปในทิศทางใดในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ด้วย ไบรอัน วินเทอร์ รองประธานสภาอเมริกา ในนิวยอร์ก กล่าวว่า อารมณ์ขัน อาจเป็นกลยุทธ์ที่ดี ฉายภาพความแข็งแกร่ง และอาจเป็นวิธีที่ถูกต้องแล้วในประเด็นนี้ แต่ประธานาธิบดีเชนบาม รู้ว่าใช้วิธีนี้ไม่ได้ทุกเรื่อง เพราะทรัมป์และรัฐบาลของเขา ต้องการให้เม็กซิโกจัดการกับประเด็นการค้า ยาเสพติดและการลักลอบเข้าเมืองอย่างเอาจริงเอาจัง
ก่อนหน้านี้ ไชน์บาว์ม แสดงท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อให้กับทรัมป์ ที่เสนอเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 25% โดยเตือนว่า รัฐบาลของเธอจะตอบโต้ด้วยมาตรการแบบเดียวกัน และบอกว่า ภาษีแบบใดก็ตาม จะไม่เป็นที่ยอมรับ เพราะจะก่อปัญหาเงินเฟ้อและการจ้างงานทั้งในสหรัฐและเม็กซิโก แต่เรื่องการลักลอบเข้าเมือง เป็นเรื่องที่พอคุยกันได้มากกว่า เพราะรัฐบาลเม็กซิโกก็พยายามสกัดกั้นมานานหลายปี ท่ามกลางแรงกดดันจากสหรัฐฯ
ตอนแรก ผู้หญิงเม็กซิโก กล่าวว่า เม็กซิโกต้องการให้รัฐบาลสหรัฐฯ เนรเทศผู้ลักลอบเข้าเมืองกลับไปยังประเทศที่มาโดยตรง แต่ล่าสุด เธอกล่าวว่า เม็กซิโกพร้อมจะรับผู้ที่ถูกเนรเทศจากประเทศอื่น แต่อาจจำกัดบางสัญชาติ หรือเรียกร้องขอค่าชดเชยบางส่วน
ภาพ
36TB72C ผู้นำเม็กซิโก
36T99QW ทรัมป์
36T43FY ชายหาด