“ผบ.ทอ.” ย้ำเฝ้าระวังน่านฟ้าชายแดน จับตาเครื่องบิน-โดรนลุกล้ำ รักษาผลประโยชน์ชาติ
ข่าวที่น่าสนใจ
10 ม.ค. 2568 ที่ฝูงบิน 601 ดอนเมือง พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ( ผบ.ทอ.) เปิดเผยถึงแนวทางของ ทอ. ในการสกัดกั้นอากาศยานรุกล้ำเขตแดนบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์หลังจากเคยนำ F-16 ขึ้นสกัดกั้นยูเอวีเมื่อปลายปีที่แล้ว ว่า เราปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อมีอากาศยานปรากฎขึ้นมาและมีแนวโน้มทิศทางที่จะเข้าประเทศไทย โดยพิจารณาแบ่งตามโซนอนุญาตการบิน จากนั้นก็จะนำอากาศยานขึ้นสกัดกั้น ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทอ. ทีทำหน้าที่ควบคุมดูแลอยู่ จะพิจารณาใน4ขั้นตอน คือ ค้นหา พิสูจน์ฝ่าย สกัดกั้น และ ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจ หากเป็นภัยคุกคามจริงก็ขออนุมัติในการทำลาย ทั้งนี้ การขึ้นบินสกัดกั้นอากาศยานที่ผิดกฎหมายเป็นเรื่องที่เราต้องทำตามขั้นตอนกฎหมายอยู่แล้ว
“ก็มีหลายตัวอย่าง แม้กระทั่งเครื่องของยูเอ็นเองก็เคย เพราะไม่ได้ส่งไฟล์ทแพลน ไม่ปรากฏสัญชาติเข้ามา เราก็ส่งเครื่องของเราขึ้นไปดู ไปส่งทัศนสัญญาณว่าคุณกำลังล้ำเข้ามานะ พอคุยกันรู้เรื่องก็จะปล่อยไป ทุกอย่างว่าไปตามระเบียบ ซึ่งอากาศยานไร้คนขับก็อยู่ในเงื่อนไขนี้ทั้งหมดด้วย เมื่อมีการจับสัญญาณได้ทางศูนย์ปฏิบัติการก็จะตรวจสอบว่าเป็นแบบไหน ตอนนี้เรากำลังทำในเรื่องการปฏิบัติกับโดรนว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด”พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าว
เมื่อถามว่า สถิติการนำอากาศยานไร้คนขับของกองกำลังชายแดนที่มีแนวลุกล้ำชายแดนด้านตะวันตกมีจำนวนมากหรือไม่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี กล่าวว่า ก็คงพูดลำบาก ทอ. มอนิเตอร์และเฝ้าระวังอยู่ จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ แต่ภารกิจไหนที่เข้ามาแล้วมีผลกระทบต่อความมั่นคงของเราก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ หรือถ้ามีทิศทางจะเข้ามาก็แจ้งเตือนไป
แต่ในส่วนของเราจะไม่ออกไปนอกพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ทุกฝ่ายรู้กันว่าการป้องกันอธิปไตยเป็นหน้าที่ของเราทำตามขั้นตอน ซึ่งการปฏิบัติขั้นสุดท้ายก็ต้องขออนุมัติ รมว.กลาโหม ซึ่งถือเป็นกฎสากล แม้แต่ประเทศมหาอำนาจที่ขึ้นไปสกัดกั้นส่งทัศนสัญญาณเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทอ.กำลังตั้งศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางอากาศและอวกาศ ( ศรอ.) เพราะเรามีภารกิจพวกนี้อยู่หากเกิดอะไรขึ้นมาเราก็ต้องมีกฎหมายมารองรับ และประสานความร่วมมือกับกองทัพเรือ กองทัพบก ในการรักษาผลประโยชน์ชาติ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น