เปิดคำให้การ “จ่าเอ็ม” สารภาพ รับงานใช้หนี้ผู้มีพระคุณ สังหารอดีต สส.กัมพูชา ตร.ปัดตอบ คนไทยหรือไม่
ข่าวที่น่าสนใจ
จากกรณีเหตุลอบสังหาร นายลิม กิมยา อดีต สส.พรรคฝ่ายค้านกัมพูชา และนักเคลื่อนไหวการเมือง ถูกลอบสังตรงข้ามกับวัดบวรฯ ผู้ลงมือคือนายเอกลักษณ์ หรือฉายา จ่าเอ็ม กองเรือ หลบหนีไปจนมุมที่ประเทศกัมพูชา ก่อนถูกส่งตัวกลับมาสอบปากคำเมื่อวานนี้ (11 ม.ค.) ที่ สน.ชนะสงคราม
โดยการสอบปากคำดำเนินไปราว 3 ชั่วโมง พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งเข้าควบคุมการสอบปากคำด้วยตนเอง ได้ให้ข้อมูลกับนักข่าวว่า จ่าเอ็ม ให้การสารภาพแล้ว โดยระบุตัวผู้จ้างวานว่าเป็นพลเรือนรายหนึ่ง เป็นผู้มีพระคุณของจ่าเอ็ม และได้ว่าจ้างด้วยเงิน 60,000 บาท โดยโทรมาตื๊อจ้างเพียง 24 ชั่วโมงก่อนลงมือ
ถามว่าผู้มีพระคุณ เป็นคนไทยหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร ระบุว่า อยู่ในสำนวน ตอบไม่ได้ ส่วนในเรื่องคดีต้องพิสูจน์ต่อไป
นอกจากนี้ นายเอ็มยังได้ใช้สิทธิ์ของผู้ต้องหาในการที่จะไม่ประสงค์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยให้เหตุผลว่ากังวลเรื่องความปลอดภัย และยังไม่อยากไปเจอหน้าใคร แต่จะให้คนมาสวมบทบาทเป็นตัวเองในการทำแผน ซึ่งตนจะวิดีโอคอลบอกรายละเอียดว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น และตนทำอะไรอยู่
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัวนายเอ็มไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขังในวันจันทร์ที่ 13 มกราคมนี้ ก่อนเที่ยง
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่าที่สถานีตำรวจชนะสงคราม นอกจากแม่ของจ่าเอ็มที่มารอพบหน้าพูดคุยกับลูกชาย หลังไม่ได้พบกันมานานหลายปีแล้ว ยังมีนายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตนายตำรวจสันติบาล ที่อยู่กับแม่ของจ่าเอ็มด้วย โดยช่วงค่ำ ประมาณ 19.40 น. ทั้งคู่ได้เดินลงมาที่ชั้นล่างของ สน.พร้อมกัน
แม่ของจ่าเอ็มเปิดเผยว่า ขณะนี้ก็ยังไม่ได้เจอหน้าจ่าเอ็ม แต่ทางผู้กำกับก็ได้ให้ต่อสายพูดคุยทางโทรศัพท์แทน ซึ่งเบื้องต้นจ่าเอ็มก็ยอมรับว่ายังไม่อยากเจอหน้าใครจริง ๆ เนื่องจากยังไม่พร้อม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผู้เป็นแม่ก็รู้สึกเบาใจแล้วที่รู้ว่าลูกชายปลอดภัยดี เพราะสิ่งเดียวที่เป็นห่วงก็คือความปลอดภัย
ทีมข่าวก็พยายามสอบถามถึง “ผู้มีพระคุณ” ของจ่าเอ็มซัดทอดว่าเป็นคนสั่งการให้ก่อเหตุสังหารนายลิมว่าคือใคร แต่แม่ของจ่าเอ็มก็ยืนยันว่าไม่รู้และก็ไม่ได้ถามลูกชายเรื่องนี้ เพราะแม่ห่วงแต่ความรู้สึกกับความปลอดภัยของลูกชายเท่านั้น
ทางด้าน นายสันธนะก็ได้บอกว่าตนนั้นมาเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้องก็เท่านั้น เนื่องจากการได้พบหน้าผู้ต้องหาเป็นสิทธิ์ของครอบครัว และอีกอย่างตนก็มองว่าแม่ของจ่าเอ็มก็ไม่ได้มีเจตนาแอบแฝงอะไร นอกจากการพบหน้าลูกชายก็เท่านั้น โดยผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้มีเงินทองอะไรที่จะไปประกันตัวลูกชาย ทุกอย่างจึงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย
สำหรับเรื่องทนายความนั้นก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนได้แล้วเนื่องจากตอนนี้เข้าสู่ขั้นตอนการสอบปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากจะเปลี่ยนตัวทนายก็คงต้องรอในชั้นศาลเท่านั้น
ทั้งนี้ทางผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายสันธนะนอกรอบว่า ที่อยู่ดีๆ ก็มาเกี่ยวข้องกับคดีเช่นนี้ มีความเกี่ยวโยงอะไรกับ “ผู้มีพระคุณ” ที่จ่าเอ็มระบุถึงหรือไม่ นายสันธนะก็ยืนยันว่าตนไม่ใช่ผู้มีพระคุณของจ่าเอ็มอย่างแน่นอน เพราะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่ที่ตนมาในวันนี้ก็มีจุดประสงค์ให้ผู้เป็นแม่ได้พบหน้าลูกชายก็เท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น