สำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ หรือ NIS ที่บรรยายสรุปในที่ประชุมแบบปิดของคณะกรรมาธิการข่าวกรองรัฐสภาเกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ (13 มกราคม) ประเมินว่า ทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตแล้ว 300 ราย บาดเจ็บอีก 2 พัน 700 คน จากการสู้รบกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการเข้าร่วมสงครามใหญ่ครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับจากสงครามเกาหลี ช่วงปี 2493 – 2496
ส.ส. อี ซอง ควอน ที่ร่วมรับฟัง เปิดเผยหลังประชุมว่า NIS แจ้งว่า สาเหตุที่สูญเสียจำนวนมาก เพราะทหารเกาหลีเหนือยังต้องดิ้นรนปรับตัวกับโดรนและอาวุธต่าง ๆ ในสงครามสมัยใหม่ พวกเขายังตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบจากยุทธวิธีของผู้บัญชาการทหารรัสเซีย ที่ส่งพวกเขาออกไปปฏิบัติการจู่โจมโดยไม่มีการระวังหลังให้ บันทึกที่พบจากทหารเกาหลีเหนือที่เสียชีวิต ยังพบว่าพวกเขาได้รับคำสั่งให้ฆ่าตัวตายก่อนถูกจับได้ มีทหารเกาหลีเหนือรายหนึ่งที่กำลังจะถูกทหารยูเครนจับตัว ตะโกนว่า “ท่านนายพล คิม จอง อึน” ขณะพยายามดึงสลักระเบิดมืดเพื่อปลิดชีวิตตนเอง ก่อนถูกยิงและเสียชีวิต
การประชุมครั้งนี้มีขึ้น หลังจากประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ และหน่วยงานความมั่นคงของยูเครน เผยแพร่คลิปการสอบปากคำทหารเกาหลีเหนือที่ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เมื่อสุดสัปดาห์ และพร้อมจะนำตัวเชลยสองคนนี้ แลกกับเชลยศึกยูเครนที่รัสเซียจับตัวไป แต่เซเลนสกี้ เปิดเผยด้วยว่า ทหารเกาหลีเหนือคนหนึ่ง ต้องการอยู่ในยูเครน อีกคนอยากกลับบ้านเกิด ซึ่งสอดคล้องกับที่สำนักข่าวกรองเกาหลีใต้ ให้ข้อมูลกับ ส.ส. เมื่อวาน โดยยืนยันว่า NIS ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสอบปากคำพบว่า ทหารเกาหลีเหนือทั้งสองคน สังกัดกองบัญชาการสอดแนม ของกองทัพเกาหลีเหนือ ถูกส่งไปรัสเซียเมื่อเดือนตุลาคม 2567 พร้อมกับเพื่อนทหาร 2 พัน 500 คน และทั้งคู่ไม่ได้ร้องขอ หรือมีความคิดที่จะลี้ภัยในเกาหลีใต้ กระนั้น ทางการเกาหลีใต้จะหารือกับทางการยูเครนต่อไป หากทหารเกาหลีเหนือสองคนนี้เปลี่ยนใจ ต้องการจะลี้ภัยในเกาหลีใต้ในท้ายที่สุด
คู บยองซัม โฆษกกระทรวงรวมชาติเกาหลีใต้ ที่รับผิดชอบกิจการระหว่างสองเกาหลี กล่าวว่า การลี้ภัยของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน จะต้องศึกษาข้อกฎหมาย รวมถึงกฎหมายระหว่างประเทศ และการหารือกับประเทศต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกอะไรได้
ด้าน มูน ซอง มุก นายพลเกษียณเกาหลีใต้ ที่เคยร่วมเจรจาทางทหารกับเกาหลีเหนือมาหลายครั้ง กล่าวว่า เป็นเรื่องที่คาดการณ์ได้ว่า ทหารเกาหลีเหนือจะต้องบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เพราะไม่ได้ผ่านการเตรียมพร้อมเพียงพอ สำหรับภารกิจในภูมิประเทศไม่คุ้นเคยอย่างในแคว้นคูสค์ ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับภูมิประเทศภูเขาในเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ ทหารเกาหลีเหนือยังไม่ได้ปฏิบัติการอย่างเป็นอิสระ แต่อยู่ภายใต้คำสั่งของผู้บัญชาการทหารรัสเซีย ที่อาจจะมีปัญหาเรื่องภาษาและการสื่อสาร ตลอดจนยุทธวิธีที่ไม่คุ้นเคย พวกเขายังถูกส่งแบบเป็นกลุ่มใหญ่เข้าไปในทุ่งโล่งกว้างแบบซึ่งไม่มีที่ให้หลบซ่อน ในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อยึดพื้นที่กลับคืน จึงเป็นที่มาของความสูญเสีย