ภาษีเป็นหนึ่งในมาตรการชุดใหญ่ ที่นายกรัฐมนตรี เปโดรน ซานเชซของสเปน ประกาศบนเวทีเสวนาทางเศรษฐกิจ ในกรุงมาดริด เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มกราคมตามเวลาท้องถิ่น เพื่อลดกระแสโกรธแค้นของประชาชน เรื่องราคาที่พักอาศัยพุ่งทะยานจนเกินเอื้อมสำหรับคนส่วนใหญ่ในประเทศ ซานเชซ พยายามชี้ให้เห็นว่า ไม่ใช่แต่ในสเปน แต่ราคาที่พักอาศัยทั่วยุโรป เพิ่มขึ้น 48% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แซงการเพิ่มของรายได้ครัวเรือนไปมาก และตะวันตกพยายามรับมือกับปัญหาท้าทาย ที่จะไม่ทำให้สังคมแบ่งแยกเป็นสองชนชั้น เจ้าของที่ดินร่ำรวยกับผู้เช่ายากจน
มาตรการที่รัฐบาลของซานเชซ นำเสนอ รวมถึงเพิ่มจำนวนที่พักการเคหะ ซึ่งในสเปนนั้น มีที่อยู่อาศัยเพียง 2.5 % เท่านั้นที่จัดสรรไว้เป็นบ้านการเคหะ ตามหลังประเทศอย่างฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์อย่างมาก , ละเว้นภาษีแก่ผู้ที่บูรณะซ่อมแซมอาคารว่างเปล่า เพื่อปล่อยเช่าในราคาสมเหตุสมผล และขึ้นภาษีหรือคุมเข้มอัตราค่าเช่าห้องพักตามฤดูกาล
อย่างไรก็ดี แผนการสำคัญก็คือ การควบคุมชาวต่างชาติ หรือคนนอกกลุ่มสหภาพยุโรป เข้าไปครอบครองที่ดินในสเปน ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม ของผู้คนจากสหราชอาณาจักร สหรัฐและโมร็อกโก แห่แหนเข้าไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะที่อิบิซา มาร์เบญา และ บาร์เซโลนา
.
ผู้นำสเปน กล่าวว่า เฉพาะปี 2566 คนนอกอียูเข้าไปซื้อบ้านและแฟลตในสเปนประมาณ 2 หมื่น 7 พันหลัง ไม่ใช่เพื่ออยู่อาศัย แต่เพื่อเก็งกำไรและทำเงิน บนความขาดแคลนที่อยู่อาศัยในสเปน ซึ่งคงยอมให้เกิดขึ้นต่อไปไม่ได้อีก การเก็บภาษีซื้ออสังหาริมทรัพย์ 100% เป็นมาตรการที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ แต่นายกรัฐมนตรีซานเชซ ไม่ได้บอกว่า มาตรการเหล่านี้จะได้ข้อสรุปสุดท้ายหรือส่งเข้าสภาเพื่อขอความเห็นชอบเมื่อไหร่ บอกเพียงว่าจะสรุปข้อเสนอต่าง ๆ หลังทำการศึกษาอย่างรอบคอบ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ด้วยสถานะปัจจุบันของรัฐบาล การผลักดันกฎหมายในสภาไม่ใช่เรื่องง่าย และมองว่าเป้าหมายของรัฐบาล คือเพื่อป้องปรามนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ต่างชาติ ด้วยการส่งเสียงและสร้างความไม่แน่นอนผ่านข้อเสนอที่มีโอกาสผ่านเป็นกฎหมายแบบริบหรี่ ส่วนมาตรการอื่น ๆ ก็พุ่งเป้าไปที่ห้องพักนักท่องเที่ยว ที่คนในท้องถิ่นกล่าวโทษว่าทำให้ห้องเช่าขาดแคลนและค่าเช่าเกินกำลังจะรับไหว