จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า รู้สึกตกใจมากเรื่องคอลเซนเตอร์​ เพราะเนียนมาก ใช้เสียงเหมือนจริง ลักษณะเป็นการใช้ AI อันนี้โดนจริงๆ ปกติแล้ว ที่เจอคอลเซนเตอร์​ จะเป็นลักษณะของการโทรมา เป็นเบอร์บ้านหรือเบอร์มือถือแปลกๆ พูดนั่นพูดนี่ซึ่งเราก็ทราบว่าเป็น คอลเซ็นเตอร์​ ชัดเจน แต่ครั้งนี้ที่โดน น่าจะเป็นการใช้ AI ไปเอาเสียงผู้นำต่างประเทศ เป็นเสียงชัดเจนมาก ซึ่งเป็นเสียงผู้นำต่างประเทศที่เราเคยได้ยินอยู่แล้ว ตอนแรกส่งเสียงคลิปมาก่อน ถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง อยากทำงานด้วยกันนะ แป๊บนึงก็หายไปแล้วบอกว่าจะติดต่อมาและก็โทรกลับมาด้วย

บังเอิญโชคดีโทรมาตอน 23.00 น หลับไปแล้ว ก็เลยไม่ได้รับ แต่ก็ตกใจมาก เห็นเบอร์ที่โทรมา ก็ส่ง Message ไปว่าขอโทษที่ไม่ได้รับโทรศัพท์ แล้วจะให้โทรกี่โมงก็นัดเวลากัน จากนั้นก็ส่งเสียงมาตอนเช้าอีกว่า ให้บริจาค โดยบอกว่าอยู่เป็นประเทศในอาเซียน ที่ยังไม่ได้บริจาคเลย ย้ำเราแบบนี้ เราก็อึ้งไปแป๊บนึง และรู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ก่อนจะส่งมาอีกอัน เป็นข้อความเลขบัญชีที่ให้โอน เป็นของอีกประเทศหนึ่ง ก็เลยชัวร์ รู้สึกแล้วว่าน่าจะใช่แน่นอน อันนี้ต้องฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดูต่อ เพราะแอพ ที่ส่งมาเป็นแอพต่างประเทศไม่ใช่ Line แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะดูได้แค่ไหน

ส่วนคลิปเสียงเหมือนเสียงผู้นำต่างประเทศ แล้วเราได้ติดต่อไปยังผู้นำต่างประเทศดังกล่าวหรือไม่ ว่า ถูกแอบอ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงถ้าจะให้เล่าให้ละเอียดกว่านี้ มันมีดีเทล เขาไม่ได้คอนแทคตัวดิฉัน พอดีอีกคนโดนหลอกมาก่อน และคิดว่าเขารู้อยู่ว่าคนๆนั้นเป็นคอนเนคชั่น​กับดิฉัน ก็เลยติดต่อมา และเราก็คิดว่าเขาเป็นผู้นำประเทศนั้นจริงๆ ถึงได้ติดต่อมาทางเราได้ เพราะจริง ๆ แล้วคนที่ติดต่อมาไม่ใช่อยู่ๆคอลเซ็นเตอร์ ​จะได้คอนแทคของเรา เขาน่าจะหลอกหลายคน และแจ็คพอตมาเจอที่เราพอดี เป็นเสียงผู้นำซึ่งตกใจมาก จึงอยากเตือนภัยประชาชน บางทีที่มีการแอบอ้าง ซึ่งดิฉันเคยเจออยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยังไม่กลับประเทศ บอกว่าท่านทักษิณแจกตังค์บ้างล่ะอะไรบ้างล่ะ แล้วก็มีเสียงคุณทักษิณพูดนั่นพูดนี่ ซึ่งอันนี้เราก็รู้อยู่แล้วว่า มันไม่จริง ก็เลยรู้สึกโอ้โห ดิฉันไม่ได้รับบริจาคหรือมีเส้นอะไร รับตังค์อะไรกับใครทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นอย่าถูกหลอกว่าฉันไปรับฟังอะไร ยืนยันว่า ไม่มี ซึ่งก่อนรู้สึกกังวลใจมากกับเรื่องนี้