“เจ้าของร้านทอง” ไหวพริบดี ช่วย “เหยื่อ” จากแก๊งคอลฯ หลังมิจฉาชีพอ้างเป็น ตร.บังคับขายทอง

"เจ้าของร้านทอง" ไหวพริบดีช่วย "เหยื่อ" รอดพ้นจาก "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อ้างตัวเป็น ตร.บังคับให้ขายทองแล้วนำเงินเข้าบัญชีเพื่อขอตรวจสอบ

“เจ้าของร้านทอง” ไหวพริบดี ช่วย “เหยื่อ” จากแก๊งคอลฯ หลังมิจฉาชีพอ้างเป็น ตร.บังคับขายทอง – Top News รายงาน

เจ้าของร้านทอง

 

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก น.ส.ดุจฤดี เพียวพงษ์ อายุ 45 ปี เจ้าของห้างทองไทยวิจารณ์ ตลาดคิวรถ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงลูกค้าซึ่งเป็นหญิงสาวรายหนึ่ง ให้นำทองรูปพรรณน้ำหนักประมาณ 1 บาทเศษ หรือคิดเป็นเงินประมาณ 50,000 บาทมาขายที่ร้าน แต่ น.ส.ดุจฤดี ไหวตัวทัน ทำให้ลูกค้ารายดังกล่าวรอดพ้นจากการถูกแก๊งคอลเซ็นเคอร์หลอกลวง

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

หลังทราบเรื่อง ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ร้านทองไทยวิจารณ์ พบ น.ส.ดุจฤดี เจ้าของร้านทอง และ น.ส.อารี พรมทอง อายุ 37 ปี ลูกค้า จากนั้น น.ส.ดุจฤดี เล่าให้ฟังว่า ขณะที่ น.ส.อารี นำทองรูปพรรณมาขาย มีท่าทีลุกลี้ลุกลนเหมือนหวั่นวิตกอะไรบางอย่าง และไม่ยอมพูดจา แถมยังขอกระดาษกับปากกาเพื่อเขียนข้อความสื่อสารกัน ทำให้ตนรู้สึกงงงวยกับพฤติกรรมของลูกค้า และรู้สึกผิดสังเกตเป็นอย่างมาก

น.ส.ดุจฤดี กล่าวต่อว่า “เราก็งงว่าทำไมลูกค้าไม่ยอมพูด ลูกค้ามาเขียนกระดาษว่า ถามพี่นะคะ ขายทองทั้งหมดเป็นเม็ดเงิน แล้วโอนเข้าบีญชีเพื่อตรวจสอบสินทรัพย์มีไหม ก็เลยงง แต่เราก็เอะใจตั้งแต่เห็นภาพว่าเป็น สภ.ขอนแก่น โทรมาแล้ววันเสาร์ ก็เลยบอกว่ามันน่าจะเป็นมิจฉาชีพนะคะ โดยเราก็เขียนเอา เรากลัวมันได้ยิน สื่อสารกันด้วยการเขียน สุดท้ายก็เลยบอกว่าน้องวางหูไปเลย มันไม่ใช่”

ด้าน น.ส.อารี ผู้เสียหาย ให้ข้อมูลว่า คนที่คุยโทรศัพท์ด้วยตอนกำลังขายทอง อ้างตัวว่าเป็นตำรวจ สภ.ขอนแก่น บอกตนว่า ตนมีคดีความ พร้อมส่งภาพหมายจับมาให้ดู แล้วถามว่า ตนมีเงินในบัญชีเท่าไหร่ ตนจึงบอกไปว่ามีเงินอยู่ 400 บาท คนที่อ้างตัวเป็นตำรวจจึงถามอีกว่าแล้วตนมีทองรูปพรรณไหม ตนจึงตอบกลับไปว่ามี จากนั้นคนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจสั่งให้ตนนำทองไปขายที่ร้านทอง โดยให้เขียนข้อความสื่อสารกันเท่านั้น

“ครั้งแรกก่อนเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคาร แล้วก็บอกว่าหนูมีส่วนพัวพันกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อนั่นชื่อนี่ เขามาเปิดบัญชี เขาจะแจ้งตำรวจให้เพราะว่าหนูไม่สามารถเดินทางไปแจ้งความเองได้ที่ขอนแก่น เพราะเราอยู่บุรีรัมย์ ห้ามไม่ให้เราบอกใครทั้งสิ้น พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย แม้กระทั่งสามีของเรา เป้นไปได้ไหมที่ว่าเราเกิดคดีความขนาดนี้แล้วไม่ให้เราปรึกษาสามี ไม่ให้บอกผู้ใหญ่บ้าน ไม่ให้บอกแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่และตำรวจ การพูดของเขาจะพูดเร็วแล้วก็พูดไม่ชัด เหมือนคนที่เคยไปผ่าตัดปากแหว่งเพดานโหว่”

น.ส.อารี บอกอีกว่า คนที่อ้างตัวว่าเป็นตำรวจบอให้ตนขายทองแล้วโอนทั้งหมดเข้าบัญชีเพื่อที่จะทำการตรวจสอบ แต่โชคยังดีที่เจ้าของร้านทองไหวตัวทัน จึงดึงเวลาไม่รับซื้อทองจากตน ทำให้ตนรอดพ้นจากการถูกหลอกลวง ทั้งนี้อยากฝากเตือนทุกคนว่าขอให้ระวังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตอนนี้ปรับเปลี่ยนวิธีหากินในหลายรูปแบบ โดยหากพลาดพลั้งไปอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"สำนักงานสลากฯ" เห็นชอบขายสลาก N3 ต่อเนื่อง งวดละ 5 ล้านรายการ พร้อมเพิ่มผู้แทนเดินจำหน่าย
ระทึก จนท.ช่วย "ช้างป่า" ขึ้นจากสระน้ำ ก่อนทำร้ายชาวบ้านบาดเจ็บสาหัส
ทางการจีนขอบคุณตร.ไทย ช่วยพลเมือง "ดารานายแบบ-เหยื่อชาวจีน" พ้นเงื้อมมือแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“นายกฯ” ยินดี “กรุงเทพฯ” ติดอันดับ 2 เมืองที่ดีที่สุดในโลกปี 2025 ย้ำรบ.เร่งเดินหน้าพัฒนาทั่วประเทศ
"ทักษิณ" หาเสียงอบจ.หนองคาย ยันลุยแก้หนี้-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มั่นใจลดค่าไฟต่ำกว่า 3.70 บาท
"เจ้าของร้านทอง" ไหวพริบดี ช่วย "เหยื่อ" จากแก๊งคอลฯ หลังมิจฉาชีพอ้างเป็น ตร.บังคับขายทอง
‘อ.ปรเมศวร์’ วิเคราะห์ชัด ทำไมรื้อ‘คดีแตงโม’ ถึงเป็นไปได้ยาก
รองโฆษกฯ เผย ไทยหนาวอีกรอบ 19-24 ม.ค.นี้ เตือนปชช.เฝ้าระวัง 4 กลุ่มโรคภัยสุขภาพ
"สุพิศ" สู้ศึก อบจ.สงขลา ชูนโยบาย ยกระดับ 4 อำเภอชายแดนใต้ เป็นศูนย์กลางศก.-การค้า หนุนเพิ่มมูลค่าเกษตรกรรม
“ทัพพม่า”จัดหนัก! ส่งเดนตายไล่ตีคืนทีละค่าย บินรบรัสเซียหย่อนบึ้มตูมสนั่น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น