เมื่อวันก่อนภาพข่าวที่ถูกเผยแพร่บนโลกโซเชียล แสดงให้เห็นถึงจำนวนปลาหมอคางดำในบ่อกุ้งร้างที่จังหวัดสมุทรสงคราม ทำให้เกิดการตั้งคำถามถึงหลายแง่มุมของสถานการณ์นี้
กรณีที่ 1. ตามข้อมูลที่กรมประมงเผยแพร่ ปริมาณปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติลดลงอย่างเห็นได้ชัด และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ปัญหายังคงอยู่ที่บ่อกุ้งร้างที่มีเจ้าของ ซึ่งกรมประมงไม่สามารถเข้าไปดำเนินการกำจัดปลาได้ ดังนั้น การปรับแก้กฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริงจึงเป็นสิ่งจำเป็น
กรณีที่ 2. บ่อกุ้งร้างกลับกลายเป็นพื้นที่เพาะพันธุ์ที่เหมาะสมสำหรับปลาหมอคางดำ เนื่องจากมีน้ำที่นิ่ง ทำให้สามารถขยายพันธุ์ได้ง่าย หากเจ้าของบ่อไม่ดูแล ปลาหมอคางดำจะเพิ่มจำนวน และอาจหลุดลอดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ สร้างปัญหาให้ต้องแก้ไขซ้ำในแหล่งน้ำสาธารณะอีกครั้ง
กรณีที่ 3. มีกรณีที่เจ้าของบ่อ อาจจงใจปล่อยให้ปลาหมอคางดำเติบโต โดยไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาจับปลาเลย รอเพียงงบประมาณจากรัฐ เพื่อจะจับปลาไปขายในราคาที่รัฐกำหนด ซึ่งมักให้ราคาที่สูง บุคคลกลุ่มนี้นับว่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนอย่างชัดเจน
กรณีที่ 4. กฎหมายของกรมประมงได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า ห้ามเลี้ยงและเพาะพันธุ์ปลาชนิดนี้ หากพบเจ้าของบ่อที่ฝ่าฝืน รัฐควรใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้ปลาหมอคางดำหลุดออกสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ